วันที่ 8 พฤศจิกายน นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร(สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) และที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ตรวจสอบจากแบบจำลองสภาพอากาศ(วาฟ) พบว่า วันที่ 8 พฤศจิกายน ตลอดทั้งวันไปถึงกลางดึก ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านอยู่ และจะค่อยๆลดลงหลังจากวันที่ 9 พฤศจิกายนไปแล้ว สำหรับพื้นที่ภาคกลาง และอาจจะเริ่มมีฝนอีกครั้งในช่วงวันที่ 14 พฤศจิกายน หรือวันลอยกระทง วันดังกล่าว คาดว่า พื้นที่ภาคกลางจะมีการปะทะกันระหว่างความกดอากาศสูง และอากาศร้อน บรรยากาศโดยทั่วไปอาจจะขมุกขมัว หรืออาจจะมีฝนตกกระจายอยู่ทั่วไปแต่ไม่มากเท่ากับช่วงเวลานี้ สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ช่วงเวลานี้ก็ยังมีฝนตกและฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ โดยจะมีฝนตกหนักในชุมพร
สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝนตกในเขตกทม.เมื่อคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยทำให้หลายเขตยังมีน้ำท่วมขังอยู่นั้น หลังจากนี้ไปสามารถ แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง นายรอยล กล่าวว่า จากเหตุการเมื่อคืน ทำให้ทราบต้นตอของปัญหาแล้วหลายพื้นที่ เช่น พื้นที่พงษ์เพชร มีปัญหาเรื่องคลองระหว่างหมู่บ้านกับเรือนจำคลองเปรม ที่มีกำแพงเป็นตัวบล็อคน้ำไม่ให้ไหลลงคลองได้ และบริเวณ ซอยแบริ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง 2 จังหวัด คือ กทม.และ จ.สมุทรปราการ มีท่อน้ำวางอยู่ 2 พื้นที่ จะต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันเรื่องการทำงานว่าจะแบ่งกันสูบน้ำอย่างไร พื้นที่ที่เป็นรอยต่อระหว่างกทม.กับ จังหวัดอื่น อีกหลายจุดที่ยังไม่ค่อยลงตัว ต้องมานั่งคุยกันอีกรอบว่าจะทำอย่างไร ส่วนเรื่องกำแพงที่เป็นตัวบล็อคน้ำไม่ให้ไหลลงคลอง ก็คงต้องไปหารือกันว่าจะใช้วิธีการไหน
“เรื่องระบบน้ำในกทม.นั้น มี 3 ส่วน ระบบหลัก คือ อุโมงค์ คลอง และพื้นที่ในซอย ซึ่งแต่ละส่วนนั้นค่อนข้างจะมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ เช่น พื้นที่ในซอย การระบายน้ำมักจะทำได้ช้ากว่าพื้นที่อื่น เพราะคนของสำนักระบายน้ำไม่พอ จะต้องอาศัยคนของเขตเข้าไปช่วยเสริม อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบการแก้ปัญหาเมื่อคืนที่ผ่านมากับก่อนหน้านี้ พบว่า เกือบทุกพื้นที่น้ำลงเร็วกว่าเดิมมาก ยกเว้นบริเวณ ซอยแบริ่ง กับบริเวณถนนงามวงศ์วาน เพราะถนนเป็นพื้นที่ต่ำ ต้องหาวิธีเอาน้ำออกจากพื้นที่ คือ เอาลงคลองบางเขนให้เร็วกว่านี้”นายรอยล กล่าว
