วันที่ 6 กรกฎาคม ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเป็นนักวิชาการทางทะเลชื่อดัง กล่าวว่า ภายหลังจากได้ลงพื้นที่สำรวจการทดลองใช้สาหร่ายจิ๋ว ในการรักษาปะการังที่เกิดการฟอกขาวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งพบว่ามีความสำเร็จปะการังฟื้นตัว 50 เปอร์เซ็นต์ แต่พบอุปกรณ์สำหรับครอบปะการังชำรุดจากคลื่นลมแรง หลังจากนี้จะนำไปหารือ เพื่อหาอุปกรณ์ชนิดใหม่ให้มีความแข็งแรง และเพิ่มปริมาณการทดลองได้ ซึ่งถือว่ามีความก้าวหน้าไปมาก
ดร.ธรณ์กล่าวอีกว่า แต่จากการลงพื้นที่ตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง อย่างอ่าวมาหยา ที่เกาะพีพี พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวมากเกินไป อ่าวทั้งอ่าวเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งไม่สามารถรองรับได้ แต่ละวันมีเรือวิ่งผ่านแนวปะการังวันละ 200-300 ลำ มีนักท่องเที่ยวกว่า 5,000 คน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อทรัพยากรทางทะเลที่มีอยู่จำนวนน้อยนิด ขณะที่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อตรวจสอบแล้วปัญหานี้ ไม่สามารถแก้ไขได้ โดยให้เจ้าหน้าที่อุทยานหรือกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนินการตามลำพัง
ดร.ธรณ์กล่าวอีกว่า เบื้องต้นนี้หน่วยงานที่ทำหน้าที่โปรโมตให้คนมาเที่ยวเกาะพีพี ต้องหยุด เพราะหากโปรโมตต่อไปก็จะมีแต่นักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยจนไม่สิ้นสุด แล้วลงพื้นที่มาดูว่าสภาพพื้นที่เป็นอย่างไร ไม่สามารถรองรับได้แล้ว เพื่อให้มาแก้ไขปัญหาความแออัดของนักท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำลายทรัพยากรทางทะเลโดยตรง โดยแนวทางคือ การลดจำนวนนักท่องเที่ยวในจุดแออัด ซึ่งต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย
