โฆเซ่ มาเรีย โกตอร์ ตัวแทนลาลีก้า สเปน ในประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชน ร่วมงาน “Spanish Extravaganza” ที่โรงแรมเซ็นท์รีจิส ราชดำริ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน
งานดังกล่าวนั้น จัดขึ้นเพื่อให้แฟนบอลและผู้ชื่นชอบการชิมอาหารรสเลิศที่ปรุงโดยเซฟระดับมิชลินสตาร์มีโอกาสได้ลิ้มรสเมนูทาปาส ตั้งแต่วันที่ 21-24 พฤศจิกายน โดยได้เชฟชั้นนำอย่าง มิเกล อลอนโซ, วิตาเลีย โนฟิต, ดาวิด เปเรซ กูเตียเรซ, อังเกอร์ อูลิแกน และราฟาเอล เซนเทโน ได้ร่วมรังสรรค์เมนูอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทีมในศึกลาลีกา 20 สโมสร และเป็นการเพิ่มความใกล้ชิดกับแฟนๆ ทั่วโลกมากกว่าแค่ฟุตบอลเท่านั้น
สำหรับสองหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมสเปน คือศิลปะการปรุงอาหาร และฟุตบอล ที่มารวมกันเพื่อสร้างความเพลิดเพลินให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทย โดยแต่ละพื้นที่ของประเทศสเปน มีสโมสรต่างๆ ในลาลีก้าที่เปรียบเสมือนตัวแทน ก่อนถูกนำเสนอผ่านอาหารแต่ละจาน ที่มีวัตถุดิบในการปรุงมาจากจุดเด่นของพื้นที่นั้นๆ เหมือนกับการได้เดินทางท่องไปทั่วประเทศสเปนเพื่อร่วมค้นหาความแตกต่างของแต่ละสโมสรเพื่อค้นพบความคลั่งไคล้ของแฟนบอลในทุกๆ สัปดาห์
ด้าน โฆเซ มาเรีย โกตอร์ เผยว่า “งานที่เราจัดในค่ำคืนนี้เป็นการสื่อถือวัฒนธรรมที่สำคัญของสเปนทั้งเรื่องอาหารและฟุตบอล โดยทั้งสิ่งต่างมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เราอยากจะให้งานนี้ในการรวมกับความแตกต่างของอาหารสเปน”
“ในตอนนี้ในลาลีกาเรามีทีมที่มีพื้นที่ที่แตกต่างกันทั่วประเทศแน่นอนว่าอาหารในแต่ละที่ก็แตกต่างกัน ไม่ต่างจากที่ประเทศไทย การได้ชิมอาหารก็เหมือนการเดินทางไปเยี่ยมทุกสโมสร นั่นคือเหตุผลที่เราได้นำเอา 3 เชฟระดับมิชลินสตาร์มาทำเมนูทาปาส 1 เมนูจาก 1 สโมสรที่มีที่มาจากพื้นที่ต่างๆ และวัตถุดิบที่มาจากแต่ละที่”
“ที่ประเทศไทยฟุตบอลถือว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเหมือนที่สเปน แน่นอนว่าอาหารก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ที่สเปนและไทยต่างก็มีสตรีทฟู้ด เราต่างมีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกันสำหรับงานนี้เราจัดเพื่อทำให้ลาลีก้ากับแฟนฟุตบอลไทยใกล้ชิดกันมากขึ้น”
“สำหรับประเทศไทยลาลีกกามีแฟนบอลที่เยอะพอสมควร พวกเขาติดตามเรามายาวนานไม่ใช่แค่เฉพาะทีมใหญ่ๆ และพวกเขามีนักเตะอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ที่เคยไปเล่นในลาลีกา”
“ในตอนนี้เมื่อเราเริ่มสื่อสารกับแฟนๆ ทำให้พวกเขาตื่นเต้น เราอยากทำให้พวกเขารู้สึกว่าเราใกล้ชิดกับเขา นั่นทำให้เราเริ่มสื่อสารกับแฟนๆ ด้วยภาษาไทนผ่านช่องทางอย่าง เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และไลน์ เราเซ็น MOU กับสมาคมฟุตบอลไทย และไทยลีก เป้าหมายคือการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา ไม่ใช่เป็นคนต่างชาติที่ผ่านมาแล้วผ่านไป เราอยากที่จะช่วยพัฒนาฟุตบอลที่นี่ เพราะเมื่อฟุตบอลที่ประเทศไทยเติบโตมันย่อมส่งผลดีกับวงการฟุตบอลและมีโอกาสที่จะมีนักฟุตบอลไทยฝีเท้าดีที่จะเดินทางไปเล่นในลาลีกาและมันจะส่งผลดีย้อนมาสู่เราอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถลิ้มรสเมนูทาปาสได้ตั้งแต่วันที่ 21-24 พฤศจิกายน ในมื้อค่ำที่โรงแรมเซ็นท์รีจิส โดยเมนูจะมีความแตกต่างกัน 2 แบบ ได้แก่ เมนู ทาปาสที่ได้แรงบันดาลใจจากทีมในศึกลาลีก้า และ 7 เมนูพิเศษจากเชฟมิชลินสตาร์ สำหรับวันอาทิตย์จะเป็นอาหารในมื้อเที่ยง
สำหรับเมนูทาปาส 20 เมนูจาก 20 สโมสรในศึกลาลีกา
แอธเลติก บิลเบา : ปาปิก้า สตูว์ กับ ไข่ลวกและหมูกรอบ
บาร์เซโลนา : เนื้อเคี่ยว เสิร์ฟกับเห็ด
เอสปันญอล : แพนเค้ก หมักกับปาปิก้ารมควันกับหมูหมัก
รีล มาดริด : หมูอบกับซอสไวโอเลต
แอตเลติโก้ มาดริด : หางวัวในแบบมาดริดกับถั่วลูกไก่
เซบีญ่า : เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ย่างกับซอสครีมที่เคี่ยวจากหางวัว
รีล โซเซียดัด : ปลาเอนโชวีปรุงกับพริกไทและมะนาวและเหล้าองุ่นขาว
เลบันเต้ : พาสต้า กับปลาหมึกและกระเทียมดำ
มายอร์กา : ช็อกโกแลต มูส กับน้ำมันมะกอกและขนมปังกรอบ
บาเลนเซีย : เนื้อกับถั่วและสตูว์หัวผักกาด
โอซาซูน่า : ครีมที่ทำจากชีสนมแกะรมควันกับพริกไทและมาร์มาเลดและวอลนัท
อลาเบส : มันฝรั่งกรอบหั่นเป็นลูกกับหัวหอมดอง
รีล บายาโดลิด : ชีสและน้ำผึ้งกับไวน์
บียาร์รีล : แซนวิชหมูแบบสเปน
เซลต้า บีโก้ : ปลาหมึกยักษ์ปรุงกับกระเทียมและกุ้ง
เลกาเนส : สตูว์กับหมูยัดไส้
กรานาด้า : มะเขือเทศเย็นกับซุปน้ำแตงโมและเชอรี่และปู
เออิบาร์ : สตูว์ทูน่า
เกตาเฟ่ : ผลไม้ที่ราดด้วยดรีมจากมะพร้าวและโกโก้
