การชิงลำดับที่ 1 ระหว่าง นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ กับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สำคัญพอๆกับการชิงลำดับที่ 3 ระหว่าง นายพุทธพงษ์ ปุณณกันต์ กับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ไม่เพียงเพราะว่า นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เคยมีบทบาทอย่างสูงใน กปปส.
หากแต่มาจาก “ประชาธิปัตย์”
ไม่เพียงเพราะว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธานภาคอีสาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจรณรงค์หาเสียง
หากแต่มาจาก “ไทยรักไทย”
ประเด็นอยู่ที่ว่า สุดท้ายแล้วใครเป็นคนทุบโต๊ะ อนุมัติและสั่ง การถามว่าเป็น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการในฐานะประธาน คณะกรรมการสรรหา กระนั้นหรือ
ไม่น่าจะใช่
ถามว่าเป็น นายอุตตม สาวนายน ในฐานะหัวหน้าพรรคกระ นั้นหรือ
ไม่น่าจะใช่
มิเช่นนั้นก็คงไม่มีการประชุมซ้ำแล้วซ้ำอีกกระทั่งยืดยาวถึงเวลา 18.00 น. แล้วที่ประชุมก็มีมติให้เก็บเป็นความลับมิให้ใครแพร่งพรายออกมา
น่าสนใจก็ตรงที่ทั้ง นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ออกมาปฏิเสธพร้อมกัน
ปฏิเสธว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วเป็นข่าว “หลุด” ออกมาจากภายในพรรคพลังประชารัฐได้อย่างไร
คำตอบน่าจะยุติได้ภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์
ไม่ว่าผลของการจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะออกมาอย่างไรเป็น นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ หรือเป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
แต่เรื่องนี้สำคัญเป็นอย่างสูง
ไม่เพียงแต่สะท้อนสายสัมพันธ์ของ “ผู้ยิ่งใหญ่” ในพรรคพลังประชารัฐว่าเกี่ยวกับ “กปปส.” และกปปส.เกี่ยวกับรัฐประหารแค่ไหนเพียงไร
ยังสะท้อนการวัดค่า ประเมินผลต่อ “บุคลากร” ในพรรคด้วย
ข่าวรอบด้าน กับ Line@มติชนนิวส์รูม คลิกเป็นเพื่อนกัน ได้ที่นี่
ขอบคุณภาพบางส่วนจากเฟซบุ๊ก ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
