เปิดประวัติ 2 เหยื่อดับเพราะ “โควิด-19” สัมผัสผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจนตาย
โควิด-19 เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เปิดเผยระหว่างแถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์ของประเทศไทยมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มเพียง 7 ราย ทำให้ยอดขณะนี้สะสม 2,938 ราย เป็นที่น่าสังเกตว่าเป็นวันที่ 2 ที่มีจำนวนผู้ป่วยใหม่ต่ำสิบ ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยคงที่ ซึ่งมีไม่กี่ประเทศในโลกนี้ที่จะได้เห็นภาพนี้ ในการติดเชื้อจำนวนน้อยแต่ขึ้นได้ในประเทศไทย ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจ และรักษาระยะห่างทางสังคม และเข้มงวดเช่นนี้ต่อไป ขอเน้นย้ำว่า การ์ดอย่าตก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 54 ราย ได้แก่
รายที่ 1 นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 53 ชายไทย อายุ 52 ปี อาชีพส่วนตัว มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้จากการไปประชุมสัมมนา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม เริ่มมีอาการป่วยด้วยอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เมื่อวันที่ 21 มีนาคม เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) เอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร แพทย์จึงเก็บตัวอย่างหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีผลออกมาเป็นบวก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ผู้ป่วยมีอาการไข้ 38.2 องศาเซสเซียส และคลื่นไส้ แพทย์จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจอีกครั้งและมีผลออกมายืนยันว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ผู้ป่วยอาการแย่ลง และมีภาวะปอดรั่ว แพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 เมษายน ด้วยอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และภาวะไตวายเฉียบพลัน
รายที่ 2 นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 54 หญิงไทย อายุ 63 ปี อาชีพเจ้าของร้านอาหาร มีหน้าที่รับเงิน มีภาวะอ้วน มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้เป็นคนในครอบครัว ได้แก่ สามี และ หลานสาว ที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เริ่มมีอาการป่วย ด้วยอาการไข้ มึนศีรษะ จึงเข้ารับการรักษาคลินิกแห่งหนึ่ง ต่อมาอาการไม่ดีขึ้น เมื่อวันที่ 1 เมษายน จึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ด้วยอาการไข้ หายใจ เหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย แพทย์เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 และพบว่ามีการติดเชื้อ ต่อมาผู้ป่วยมีอาการแย่ลง แพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 เมษายน ด้วยภาวะปอดอักเสบติดเชื้อร่วมกับระบบหายใจล้มเหลว
“เป็นเรื่องที่ต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทั้ง 2 ราย พบว่าผู้ป่วยมีประวัติการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ราย ดังนั้น จึงต้องให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางสังคมแม้แต่คนในครอบครัว ก็ต้องพยายามทำให้เป็นชีวิตวิถีใหม่อยู่เรื่อยๆ เราไม่ทราบว่าใครติดเชื้ออย่างไร เราจึงต้องระวังไว้ว่าทุกคนมีโอกาสติดเชื้อได้ทั้งสิ้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
