| ผู้เขียน | เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
ฤกษ์งามยามเหมาะ ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2561 ให้ผู้ประสงค์จัดตั้งพรรคการเมืองแจ้งจดทะเบียนพรรคได้ นับแต่วันแรกมีผู้แจ้งจดทะเบียนพรรคใหม่มากถึง 42 พรรค
การจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่วันแรกมีมากขนาดนี้ มิได้หมายความว่าทุกพรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งหมดทุกพรรค
เช่นเดียวกับเมื่อมีการยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ แล้วใช้พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ ปรากฏว่ามีผู้ไปจดขอเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์นับร้อยราย แต่หลังจากนั้น มีผู้ออกหนังสือพิมพ์ตามที่จดแจ้งไม่กี่ฉบับ ในที่สุดเหลือหนังสือพิมพ์ที่ออกเป็นประจำเพียงนับสิบหัว
ถึงวันนี้ เมื่อมีการเปลียนแปลงทางเทคโนโลยีจากสื่อกระดาษมาเป็นสื่อกระจก หรือระบบ “โซเชียล มีเดีย” ผู้อ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารหายไปจำนวนมากเป็นเหตุให้หนังสือพิมพ์และนิตยสารต้องปิดตัวเองจำนวนหนึ่ง บางฉบับหันไปใช้สื่อออนไลน์แทน
ระหว่างนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติน่าจะผ่อนคลายสั่งยกเลิกประกาศและคำสั่งหลายฉบับที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและดำเนินการทางการเมืองเพื่อให้กิจกรรมทางการเมืองดำเนินการต่อไปได้ หลังจากมีการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม และการแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2561 เป็นต้นไป
อย่างน้อยควรเลิกคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มิฉะนั้นจะขัดกับสิทธิเสรีภาพทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ
หลังจากนี้ พรรคการเมืองทั้งที่จัดตั้งใหม่และที่มีอยู่เดิม ต้องดำเนินการประชุมสมาชิกเพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการ และกรรมการพรรค รวมถึงการแจ้งนโยบายของพรรคให้สมาชิกและประชาชนทั่วไปได้ทราบ เพื่อเตรียมตัวเตรียมศึกษานโยบายของแต่พรรคการเมืองที่จะนำไปสู่การตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองหรือบุคคลในพรรคการเมืองนั้นให้เข้าไปเป็นผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ตามนโยบายในรัฐสภา
แม้วันนี้ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกฎหมายการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภายังไม่แล้วเสร็จ แต่เชื่อว่าไม่ว่ากฎหมายทั้งสองฉบับจะออกมาในลักษณะใด นักการมืองโดยเฉพาะที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมารชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละพรรคการเมืองจะรับปฏิบัติได้
ส่วนสมาชิกวุฒิสภาจะปรากฏออกมาอย่างไร เป็นเรื่องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลซึ่งมีหัวหน้าคนเดียวกันจะตัดสินใจ
เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน ต่อระบอบประชาธิปไตย เพื่ออนาคตของประเทศชาติ หรือเอื้อประโยชน์ต่อตัวเองและพวกพ้องเพื่อต่อเนื่องการเป็นรัฐบาลต่อไปในอีกอย่างน้อย 4 ปีข้างหน้า
แม้รัฐบาลนี้กำหนดยุทธศาสตร์ประเทศไว้ยาวนาน 20 ปี แต่เมื่อประเทศมีรัฐบาลชุดใหม่ในวันหนึ่งข้างหน้า ผู้เป็นรัฐบาลในยุคนั้นอาจปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ชาติในอนาคตได้
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคตเริ่มมองเห็นตั้งแต่วันนี้ วันที่เทคโนโลยีอินโนเวชั่น หรือปัญญาประดิษฐ์เกิดขึ้นใหม่ ย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่ใครยับยั้งได้
ดังระบบการสื่อสารปรับเปลี่ยนจากยุค 4 มาเป็นยุค 5 ที่รู้จักกันในชื่อย่อ 5G ทำให้การติดต่อ สื่อสารและการสั่งการจากอนาล็อกเป็นดิจิทัลโดยที่มนุษย์เพียงแต่ป้อนรายการที่ต้องการลงไปในระบบคอมพิวเตอร์ที่มีหุ่นยนต์รองรับ ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ต้องการ
โลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ามีการเปลี่ยนแปลงที่ใครจะหยุดอยู่อย่างเดิมไม่ได้แล้ว เพราะการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอินโนเวชั่นทำให้การติดต่อสื่อสารจากมนุษย์ไปยังหุ่นยนต์ จากหุ่นยนต์เชื่อมต่อไปยังหุ่นยนต์แล้วกลับมาสู่มนุษย์ เป็นปรากฏการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า 2562 แน่นอน
ถึงวันนั้น การเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เตรียมตัวกันหรือยังครับ
