09.00 INDEX อารมณ์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมือนกับ บรรหาร ศิลปอาชา
สถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลังพรรคพลังประชารัฐลงมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ 20 ส.ส.ออกจากพรรค
เหมือนกับสถานการณ์ของ นายบรรหาร ศิลปอาชา ภายหลังเผชิญกับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเมื่อปี 2539
เพียงแต่ระยะเวลาการฟักตัวสำหรับ นายบรรหาร ศิลปอาชา มีไม่มากนัก ขณะที่ระยะเวลาแห่งการฟักตัวสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูจะมีมากยิ่งกว่า
กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และคณะออกจากพรรคพลังประชารัฐ สัมพันธ์กับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจอย่างแนบแน่น
แม้ความเด็ดขาดจะแสดงออกจากการใช้มาตรา 171 จัดการกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน แต่มติพรรค
พลังประชารัฐในวันที่ 19 มกราคมกลับเป็นความต่อเนื่อง โต้กลับ
โต้กลับอย่างมีลักษณะ ”รุก” ในทางยุทธศาสตร์กำหนดทางเลือกสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เหลือน้อยอย่างยิ่ง
คำประกาศจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่าจะไม่มีการ ”ปรับครม.” จะไม่มี ”การยุบสภา” พร้อมกับเปิดเพลง ”อย่ายอมแพ้” เหมือน กับจะเป็นการปลอบใจตนเอง
แต่ภายในการปลอบใจนั้นมีความเด่นชัดยิ่งว่า หนทางสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเหลือน้อยอย่างยิ่ง
เนื่องจากปฏิบัติการของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และคณะมิได้เป็นปฏิบัติการ ”เดี่ยว” ตรงกันข้าม เป็นปฏิบัติการที่ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดแทบจะเป็นทองแผ่นเดียวกับของพรรคพลังประชารัฐ
นี่คือการยุทธ์ที่ประสานการเข้าตีจากกำลัง ”ภายนอก” และกำลังที่ซ่อนอยู่ ”ภายใน” เป็นสถานการณ์ที่สร้างการบีบรัดอย่างยิ่ง
เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกเดินแบบใดเท่านั้น
เมื่อปี 2539 นายบรรหาร ศิลปอาชา ถูกกดดัน 1 ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เปิดทางให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามาแทนที่ 1 เป็นการกดดันผ่าน นายเสนาะ เทียนทอง เลขาธิการพรรค
แทนที่จะยอมรับ นายบรรหาร ศิลปอาชา กลับเลือกยุบสภา
กล่าวสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สถานการณ์กดดันหากไม่ปรับครม. ก็เหลือเพียงหนทางเดียวคือตัดสินใจยุบสภา
คำถามอยู่ที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกทางสายใด
