สำหรับชีวิตคนบ้าบอลคนหนึ่ง การมีแค่ขาสองข้างและร่างกายที่แข็งแรงคงไม่สามารถบอกได้ว่าคนๆ นั้นจะประสบความสำเร็จในสังเวียนลูกหนัง เพราะมีปัจจัยอีกมากมายที่เข้ามามีผลกับชีวิตการเป็นนักเตะ โอกาส ทุนทรัพย์ อาการบาดเจ็บ ฯลฯ มีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่จะได้มาโลดแล่นในสนามฟุตบอลอาชีพและติดทีมชาติได้อย่างที่ใจหวัง ขณะที่คนมีฝันอีกจำนวนมหาศาลที่ผิดหวังและเบนเส้นทางไปทำมาหากินทางอื่น
แต่สำหรับ “ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าทีมชาติไทยที่เพิ่งประเดิมยิงประตูในทีมชาติไปหมาดๆ เหมือนจะไม่มีปัจจัยข้างต้นเลย ในวันที่เริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางลูกหนัง ปีโป้เพิ่งยิงประตูในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016” นัดที่สอง ที่ไทยเอาชนะ พม่า ได้ 4-0
ซึ่งในวันนั้น (8 ธันวาคม) เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 24 ปีของตัวเอง ถือเป็นการปลดล็อกในการลงเล่นทีมชาติตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา และมอบของขวัญให้กับตัวเอง พร้อมทั้งส่งต่อความสุขให้คนไทยที่ลุ้นว่าเมื่อไรกองหน้าความสูง 184 เซนติเมตร จะประเดิมประตูแรกในสีเสื้อช้างศึกได้เสียที
สิโรจน์เป็นเด็กสุรินทร์ที่เสียพ่อไปตั้งแต่เด็ก ทำให้แม่ต้องเลี้ยงลูก 5 คนโดยลำพัง ด้วยความที่อยู่ในครอบครัวที่ลำบาก แรงบันดาลใจเดียวที่ทำให้เจ้าฮัล์คเวอร์ชั่นเมืองไทยอยากจะเล่นฟุตบอล คือ หาเงินมาช่วยให้ครอบครัวสบายขึ้น
“ผมไม่มีแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอล ผมแค่อยากทำเพื่อครอบครัว เริ่มเล่นฟุตบอลตอน 5 ขวบ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร มาจริงจังอีดทีตอน 16-17 ตอนนั้นเบสิกก็ไม่ดี ไม่มีคนสอน ไปคัดทีมโรงเรียนก็ไม่เคยติด เลยตื่นเช้ามาวิ่งทุกวัน คิดว่าถ้าร่างกายแข็งแกร่งจะช่วยทดแทนเบสิกไม่ดี พอโตขึ้นมาก็ไปคัดติดทีมสุรินทร์ เอฟซี แต่ไม่ได้มีค่าเหนื่อยให้”
หลังจากอยู่กับ สุรินทร์ ซิตี้ มาสักพัก ก็ใช้ไฟฝันในการช่วยเหลือครอบครัวเป็นแรงผลักดันให้มาคัดตัวกับ นนทบุรี เอฟซี ซึ่งตอนนี้มี โกสินทร์ ดีมาก อดีตกุนซือสุรินทร์ เอฟซี ที่เคยเห็นแววของปีโป้มาทำทีมนนทบุรี เอฟซีอยู่ แล้วก็ได้เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งที่เมืองนนท์นี่เอง ในปี 2555
“ผมขอเงินแม่มา 2,000 บาท เพื่อเข้ามาคัดตัว ค่ารถก็หมดไป 400 แล้ว ไหนจะค่าที่พัก โดนโกงค่าแท็กซี่ ผ่านไปคืนเดียวผมเหลือเงิน 600 “ ปีโป้ย้อนอดีต
เงินเดือนในการเล่นอาชีพครั้งแรกกับนนทบุรี เอฟซี อยู่ที่ 7,000 บาท แม้จะเป็นเงินไม่มาก แต่ปีโป้ก็ยอมรับว่าภูมิใจและมีความสุขมากที่ช่วยจุนเจือครอบครัวได้ หลังจากนั้นฟอร์มก็ไปเข้าตาแมวมองของ บีอีซี เทโรศาสน มาดึงตัวไปเล่นให้กับทีมน้องอย่าง บีซีซี เทโร เอฟซี เล่นในถิ่นชงโคสีม่วงงอยู่เกือบ 3 ปี ลงไป 29 นัด ซัดไป 10 ลูก
ก่อนจะชีพจรลงเท้ากลับมาค้าแข้งในถิ่นอีสานกับ อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ในยามาฮ่าลีกวัน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และมีส่วนช่วยให้ต้นสังกัดเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้าได้อย่างไร้ที่ติ ถึงแม้จะยิงประตูได้ไม่มาก แต่ความแข็งแกร่งก็ช่วยเปิดช่องให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้มากมาย
ปีโป้ยอมรับว่าการถูกเรียกติดทีมชาติไทยครั้งแรกเป็นเหมือนเรื่องอำกันเล่น เพราะที่ผ่านมาไม่เคยติดทีมชาติรุ่นอื่นๆ มาก่อน
“ผมเป็นแค่เด็กบ้านนอกที่ชอบเล่นฟุตบอล พอรู้ว่าติดทีมจริง ตื้นตันมาก พูดไม่ออกเลย มีน้ำตาซึมด้วย ถ้าผมได้รับโอกาสนั้นจริงๆ ผมจะทำมันให้ดีที่สุด” ปีโป้เปิดความในใจหลังจากรู้ตัวว่าถูกเรียกติดทีมชาติ
จากวันที่ถูกเปลี่ยนลงสนามในฐานะตัวสำรองในแมตช์ที่ไทยแพ้ ญี่ปุ่น 0-2 ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก จนถึงวันที่ยิงประตูพม่าได้ ปีโป้ใช้เวลาเกือบ 4 เดือนในการพิสูจน์ตัวเอง และเป็นวันเกิดของตัวเองด้วย
ดาวยิงจากอุบล ยูเอ็มที ให้สัมภาษณ์แบบซื่อๆ หลังยิงประตูในทีมชาติได้ว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กันมาตลอด ไม่ว่าผมจะเล่นดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่อยากฝากน้องคนนี้ไว้ในใจทุกคนด้วยครับ และประตูนี้ขอมอบให้แม่ เพราะแม่ผมป่วยอยู่”
หลังจากนี้ความคาดหวังของแฟนบอลต่อเจ้าปีโป้จะมีมากขึ้น ทำให้เจ้าตัวต้องมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะวันนี้เป็นต้นไป การเล่นฟุตบอลของดาวรุ่งร่างยักษ์คนนี้ไม่ใช่เพื่อครอบครัวอย่างเดียวเท่านั้น แค่เพื่อความสุขของคนไทยอีกด้วย
