‘พิชัย’ แนะ ขุมทรัพย์กระทรวงพลังงานต้องทำเพื่อ ปชช. ชี้ประวัติ รมว.ต้องขาวสะอาด ไร้ทุจริต

‘พิชัย’ แนะ ขุมทรัพย์กระทรวงพลังงาน ต้องทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่ตักตวงผลประโยชน์ให้ตัวเอง ชี้ รมว.พลังงานต้องมีประวัติขาวสะอาด ไร้ทุจริต

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่มีข่าวความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อแย่งกระทรวงพลังงาน ถึงขนาดมีการเข้าชื่อ ส.ส. เพื่อปลดเลขาธิการพรรค เนื่องเพราะว่าจะมาแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายและเข้าใจได้ว่ากระทรวงพลังงานต้องมีผลประโยชน์มากมาย ทำให้ต้องทะเลาะกันแบบแตกหักเช่นนี้ ซึ่งในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็อยากขอยืนยันว่ากระทรวงพลังงานมีผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจริง แต่ผลประโยชน์เหล่านี้ควรที่จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศและประชาชนโดยรวม เพื่อให้ประเทศและประชาชนได้ใช้พลังงานอย่างเพียงพอและในราคาที่ถูกที่สุด ไม่ใช่หาประโยชน์ใส่ตัวเอง ซึ่งในอดีตมีเรื่องไม่ชอบมาพากลจำนวนมาก เช่น โครงการทำท่อส่งก๊าซอียิปต์ อิสราเอล สมัยรัฐบาลหลังการปฏิวัติปี 2549 โครงการออยแซนด์ในประเทศแคนนาดาที่ต้องปิดการดำเนินการไป และโครงการปลูกสวนปาล์มในอินโดนีเซียที่มีทุจริตกันอย่างมโหฬาร ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ กระทั่งล่าสุด โครงการซื้อหุ้นเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนิเซีย ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท แต่ได้หุ้นมาเพียง 11 เปอร์เซ็นต์ แถมธุรกิจเหมืองถ่านหินก็มีอนาคตย่ำแย่ตามภาวะสำนึกปกป้องสิ่งแวดล้อมของโลกตามที่ได้เคยเตือนไว้แล้วก่อนที่จะซื้อ เป็นต้น

นายพิชัยกล่าว่า การบริหารกระทรวงพลังงานจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก โดยอยากให้คำนึง ดังนี้ 1.ต้องคำนึงถึงทิศทางอนาคตการใช้พลังงานของโลก 2.ทำให้ประเทศมีการผลิตพลังงานอย่างเพียงพอสำหรับอนาคต โดยต้องคำนึงถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ 3.การให้ประชาชนได้ใช้พลังงานในราคาที่ถูกที่สุด (เลิกเชื่อว่าราคาถูกแล้วไม่ประหยัด เพราะเป็นแผนการหากำไรของบริษัทพลังงาน) 4.ควบคุมบริษัทพลังงานไม่ให้เอาเปรียบประชาชนเกินไปเหมือนในอดีต 5.ไม่ทำโครงการที่สุ่มเสี่ยงเพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเอง โดยเฉพาะโครงการในต่างประเทศที่ขาดทุนแทบทุกโครงการ

“นี่เป็นแนวคิดหลักๆ เท่านั้น ยังมีแนวคิดอื่นๆ อีกมากเพื่อปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของไทย ซึ่งในอดีตตนได้ดำเนินการดังนี้ ยกเลิกการใช้เบนซิน 91 เพื่อให้มีการใช้เอทานอลที่ผลิตได้เองในประเทศมากขึ้นถึงวันละประมาณ 4 ล้านลิตร การลดเงินอุดหนุนไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ลงตามต้นทุนที่ลดลง การงดเก็บกองทุนน้ำมันชั่วคราว และต้องมาปรับการอุดหนุนราคาก๊าซ การออกบัตรเครดิตพลังงานช่วยแท็กซี่ และการปรับแผนพลังงานทั้งหมด เป็นต้น

Advertisement

“ดังนั้น ผู้จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจะต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ รู้เรื่องพลังงาน และต้องรู้เรื่องเศรษฐกิจอย่างดีด้วย และที่สำคัญคือต้องมีประวัติที่ขาวสะอาด ไม่มีเรื่องทุจริตในอดีต หากได้บุคคลที่ไม่เหมาะสมนอกจากจะเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้มากแล้ว ยังจะทำให้แผนงานอนาคตของพลังงานประเทศบิดเบือนซึ่งจะเป็นปัญหาที่หนักกว่ามาก ทั้งนี้ จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอย่างถี่ถ้วน อีกทั้งจะมีการตรวจสอบการบริหารงานของกระทรวงพลังงานอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอีกเหมือนในอดีต”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image