เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้ชี้แจงกรณีมีข่าวเขื่อนพิมายเริ่มวิกฤต เหลือน้ำไม่ถึงร้อยละ 50 ต้องปิดประตูระบายน้ำไว้ทั้งหมด งดส่งน้ำให้เกษตรกร และกรณีมีข่าวว่าภัยแล้งกระทบหนักคุมปลูกข้าวที่นา 8 ล้านไร่ นั้นว่า เขื่อนพิมายเป็นเขื่อนทดน้ำและระบายน้ำ ซึ่งไม่มีปริมาณน้ำต้นทุน จึงไม่มีแผนส่งน้ำสนับสนุนการเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง ปี 2560/2561 ปัจจุบันมีปริมาณน้ำที่เก็บกักไว้บริเวณด้านเหนือเขื่อนประมาณ 1.14 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือร้อยละ 54 ของความจุฯ โดยได้มีการประชุมชี้แจงให้กับเกษตรกรในพื้นที่ให้รับทราบสถานการณ์น้ำไปก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกับทำหนังสือแจ้งอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้แจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้ง
ดร.ทองเปลวกล่าวว่า สำหรับปริมาณน้ำที่เก็บกักไว้บริเวณเหนือเขื่อนพิมาย ประมาณ 1.14 ล้าน ลบ.ม. นั้น เป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคตลอดในฤดูแล้งนี้ ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2561 ซึ่งในวันนี้ กรมชลประทาน ได้มีการประชุมหารือร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค อำเภอเฉลิมพระเกียติ อำเภอโนนสูง และอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อชี้แจงและวางแผนการบริหารจัดการน้ำร่วมกัน โดยยืนยันว่าการประปาส่วนภูมิภาคทั้ง 3 แห่ง จะไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาในช่วงฤดูแล้งนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำและติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนพิมายอย่างใกล้ชิด จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
