เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 2 จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปพบกับตัวแทนเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวที่โรงงานมะพร้าวขาวของบริษัท นิลทองแท้โคโคนัท จำกัด ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ เพื่อรับฟังปัญหาหลังจากรัฐบาลกำหนดนโยบายห้ามนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศตามกรอบการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า ภาษี 0% และห้ามนำมะพร้าวนอกไปกะเทาะนอกโรงงานผลิตกะทิส่งออก ทำให้ส่งผลกระทบกับรายได้ของชาวสวน จากนั้นได้รับฟังปัญหาและผลกระทบจากการทำมะพร้าวขาวส่งโรงงาน รับจ้างกะเทาะ คนรับจ้างสอย เนื่องจากปัจจุบันมะพร้าวในสวนที่ อ.ทับสะแก เหลือน้อยมาก ทำให้ผลผลิตหน้าสวนมีราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี ผลละ 16-18 บาท และยืนยันว่าที่ผ่านมา คณะอนุ กมธ.ได้ศึกษาปัญหามะพร้าวรอบด้าน รับฟังปัญหาจากทุกกลุ่ม เพื่อให้ชาวสวนขายผลผลิตคุ้มกับต้นทุน โรงงานอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออกได้ตามกลไกราคาในตลาด จากการพิจารณาซื้อผลผลิตในประเทศก่อนพิจารณานำเข้ามะพร้าวนอก
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในการรับฟังความเห็น ตัวแทนชาวสวนได้เสนอปัญหาจากกรณีการนำเข้ามะพร้าวนอกที่นำมาให้ชาวบ้านรับจ้างกะเทาะ ปัจจุบันมีน้อยมาก ทำให้ขาดรายได้ หลังจากกรมวิชาการเกษตรกักไม่ให้นำเข้าจากเหตุผลมะพร้าวงอก ทั้งที่มะพร้าวแก่จัดมีค่าไขมันสูงเป็นที่ต้องการของโรงงาน และในอนาคตหากประเทศเพื่อนบ้านไม่ส่งมะพร้าวขายให้ประเทศไทย ปัญหาจะกระทบกับโรงงานอุตสาหกรรมมะพร้าวที่นำเข้าที่ผลิตเพื่อส่งออก ส่งผลทำให้ขาดรายได้เข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท มีปัญหาจากการจ้างงานที่เกี่ยวข้องในระบบหลายแสนคน
ขณะที่ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมกะทิส่งออกรายหนึ่ง ระบุว่า ขอให้รัฐบาลช่วยผ่อนปรนมาตรการการนำเข้ามะพร้าวจากประเทศอินโดนีเซียที่โรงงานนำเข้าถูกต้อง หากมีการตรวจสอบขอให้เข้มงวดการลักลอบนำเข้ามะพร้าวผ่านช่องทางอื่น หรือบางโรงงานไม่ได้นำมะพร้าวนอกมาผลิตส่งออก หรือนำมาผลิตบางส่วน จากนั้นลักลอบนำไปขายเป็นมะพร้าวหัวขูดในประเทศ ซึ่งได้ราคาดีกว่ามะพร้าวขาวที่ทำส่งโรงงาน ที่สำคัญในอนาคตหน่วยงานรัฐมีความเข้มงวดเพื่อออกระเบียบคุมโรงงานมากเกินไป แต่ยังปล่อยให้มีมะพร้าวเถื่อนลักลอบนำเข้า โรงงานอาจจะต้องซื้อมะพร้าวเถื่อนที่มีต้นทุนต่ำกว่าเข้าไปผลิต หรืออาจจะทำให้มีหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานมีช่องทางของการเรียกรับผลประโยชน์นอกระบบมากขึ้นกว่าเดิม
