พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมีมติให้กระทรวงดีอีลงทุนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชุมชนทั่วประเทศจำนวน 24,700 แห่งวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 15,732 แห่งให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เป็นผู้ลงทุนนั้น ในส่วนการดำเนินงานภายใต้กระทรวงดีอี 24,700 แห่ง ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงโอนเงินให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะเรียกทีโอทีมารับทราบนโยบายและมอบหมายให้ทีโอทีไปจัดทำทีโออาร์ โดยอาจเปิดประมูลบางส่วน หรือจัดซื้อจัดจ้างบางส่วน ซึ่งทางกระทรวงจะส่งผู้กำกับดูแลเข้าไปตรวจสอบทุกกระบวนการ และในแต่ละขั้นตอนทีโอทีต้องเสนอมาให้กระทรวงเห็นชอบด้วย
“การปรับกระบวนการทำงานใหม่ทำให้เรามั่นใจว่าโครงการจะสำเร็จได้มากกว่า 90% ส่วนการที่โอนเงินไปให้ทีโอทีทำนั้นในด้านความโปร่งใสทางกระทรวงจะเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนมาร่วมตรวจสอบ และเชื่อว่าทีโอทีจะเข้าใจว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ประชาชน ดังนั้น การจะนำไปหาผลประโยชน์นั้นคงไม่มีเพราะทีโอทีไม่ได้ประโยชน์อะไรจากโครงการ ตอนเปิดประมูลเขาก็มีค่าบริหารจัดการ แต่หลังจากนี้ก็ไม่ได้ ทางกระทรวงจะดูทีโออาร์ของทีโอทีว่าสอดคล้องกับนโยบายหรือไม่ ราคาเหมาะสมหรือไม่ และมีทีมกำกับดูแลไปดูแลทุกขั้นตอน การเบิกจ่ายการเลือกก็ต้องส่งให้กระทรวงเห็นชอบเป็นระยะ” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินการของทีโอทีจะต้องเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนธันวาคม ส่วนกรอบเวลาการดำเนินงานโครงการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชุมชนทั่วประเทศตามเป้าหมาย 40,432 แห่ง แบ่งเป็นของกระทรวงดีอี 24,700 แห่ง ส่วนของ กสทช.เดิม 3,920 แห่ง และที่ กสทช.ได้มาใหม่อีก 15,732 แห่งนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 80-85% ภายในปี 2560 ที่เหลือจะเสร็จต้นปี 2561
