ทั้งๆที่ นายอุตตม สาวนายน ยังเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งๆที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ยังเป็นเลขาธิการพรรค เหตุใดจึงต้องมีการเอ่ยถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แม้จะเป็นการเอ่ยถึงพร้อมกับคาดหมายว่าจะดำรงตำแหน่ง เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคก็ตาม
สะท้อนว่าพรรคพลังประชารัฐกำลังเป็นปัญหา
เป็นปัญหากระทั่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้ประสานสิบทิศก็ยังรับมือไม่ได้ จำเป็นต้องมอบหมายให้นายทหารระดับพล.อ.อีกคนหนึ่งซึ่งเป็น ส.ว.ออกมาเคลียร์
เท่ากับยืนยันว่าปัญหานั้นไม่ว่า นายอุตตม สาวนายน ไม่ว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไม่สามารถคลี่คลายได้
เป็นปัญหาตั้งแต่ 1 เดือนแรกหลังจากตั้ง”รัฐบาล”
คล้ายกับปัญหาของพรรคพลังประชารัฐ 1 มาจากความไม่เป็นเอกภาพอย่างเพียงพอภายในพรรค และ 1 มาจากการไม่นิ่งอย่าง เพียงพอของพรรคร่วมรัฐบาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใน 10 ส.ส. 10 พรรคขนาดเล็กอันมาโดยอภินิหารของกฎหมาย
นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
กระนั้น หากประมวลปัญหาออกมาแล้วปมสำคัญเป็นอย่าง มากน่าจะมาจากความไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ในการถวายสัตย์ปฏิญาณตนมากกว่า
ยิ่งรัฐบาลอาศัย”ความเงียบ”มากลบปิดปัญหา ยิ่งก่อให้เกิดความวิตก
เนื่องจากนี้เป็นความผิดอย่างที่เรียกว่า”สำเร็จ”
ปรากฏแก่สายตาของสาธารณะนับแต่มีการเผยแพร่คลิปข่าวในราชสำนักในคืนวันที่ 16 กรกฎาคม และที่สุดกลายเป็นประเด็นร้อนยิ่งขึ้นเมื่อมีการหารือในที่ประชุมรัฐสภา
และชัดขึ้นเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สารภาพผิด
ความไม่แจ่มชัด ความไม่เป็นมาตรฐานในการหาทางออกและลง มือปฏิบัติต่างหากที่ก่อความไม่มั่นใจต่อสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เรื่องบางเรื่องอาจอาศัยเวลาและความเงียบคลี่คลาย
แต่เรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของคณะรัฐมนตรีที่นำโดยนายกรัฐมนตรีไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อย่างเด็ดขาด
ที่สำคัญคือ ประชาชนต่างเฝ้ามองด้วยความสนใจอย่างสูง