นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว ตลอดจนพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ และธุรกิจอื่นๆ เช่น ซื้อขายเศษแก้ว รีสอร์ต และสัมมนา เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2563 ว่า มีรายได้เติบโต 4% (YoY) มูลค่ารวม 3,016 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น (GM) จาก 16.2% เพิ่มขึ้นเป็น 18.6% คิดเป็นกำไรสุทธิ 161 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย โดยปีนี้มีการกำหนดทิศทางธุรกิจด้วยการให้ความสำคัญกับลูกค้าในการเป็นศูนย์กลาง โดยเน้น 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ (1) การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (2) คุณภาพระดับสากล (3) การให้คำปรึกษากับลูกค้าในทุกโอกาส (4) การจัดเก็บและการจัดส่งสินค้า ตลอดจนมุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพรอบด้าน เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับแผนการผลิต (Supply) ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด (Demand) รวมถึงมองหาโอกาสในการเพิ่มการส่งออกให้กับลูกค้าที่มีอัตรากำไรดี และมองหาโอกาสควบรวมกิจการบรรจุภัณฑ์ที่ต่อยอดจากบรรจุภัณฑ์แก้ว และกิจการพลังงานทางเลือก
“บริษัทยังมีข้อได้เปรียบในด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี จำนวนสายการผลิตที่หลากหลาย สามารถผลิตสินค้าได้หลายรูปแบบ โดยมีลูกค้าหลักรายใหญ่เป็นผู้ถือหุ้น เช่น กลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ กลุ่มไทยน้ำทิพย์ บริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด บริษัท กรีนสปอต จำกัด นอกจากนี้ บริษัทมีธุรกิจอื่นๆ ที่หลากหลายทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยง ที่สำคัญคือมีกระแสเงินสดเพื่อนำไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งบรรจุภัณฑ์ และพลังงานทางเลือก เป็นการสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”
ซีอีโอ BGC ยังได้กล่าวถึงเป้าหมายของธุรกิจภายใน 5 ปีนับจากนี้ว่า จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว และบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อมุ่งสู่ ‘โทเทิล แพคเกจจิ้ง โซลูชั่น’ (Total Packaging Solution) ตลอดจนขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 300–400
เมกะวัตต์ พร้อมกับมุ่งเน้นในเรื่อง Sustainability อย่างรอบด้าน ทั้งบริษัทและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders)
