พลานุภาพชัชชาติ ชนสนั่นประยุทธ์ และเอฟเฟ็กต์ต่อเนื่อง

คล้อยหลังเพียง 1 วันจากวันส่งท้ายปี

หลังจากที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่งสัญญาณประกาศกลับมาลุยสนามการเมืองเต็มตัวอีกครั้ง

โดยในภาพ เป็นภาพตัดต่อคล้ายปกภาพยนตร์ชื่อดัง “ดิ อเวนเจอร์” ที่มีเหล่าฮีโร่ออกมาปกป้องโลก

มีตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย คือ นายชัชชาติ และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เป็นตัวหลัก

Advertisement

ส่วนอื่นๆ เป็นคนจากหลากหลายอาชีพ ทั้ง เกษตรกร ข้าราชการ นักธุรกิจ วินจักรยานยนต์ และนักเรียน เป็นต้น

เหมือนจะสื่อความหมายถึงการลงสู้ศึกเลือกตั้ง เพื่อทวงคืนประชาธิปไตยคืนมา

พร้อมทั้งเขียนข้อความประกอบว่า

Advertisement

ในปีใหม่ 2019 ที่กำลังจะมาถึงนี้ขอให้พวกเราทุกคน มีกำลังใจและกำลังกายที่แข็งแกร่ง

พร้อมมาร่วมเป็นทีม Avengers ที่จะลุย ศึกครั้งสุดท้าย The Final Battle นี้ ไปด้วยกันครับ

ก็ปรากฏข่าวสะพัดในโลกโซเชียลว่า

พรรคเพื่อไทยตัดสินใจที่จะส่งนายชัชชาติเป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีหมายเลข 1 ในการเลือกตั้งครั้งนี้

เพื่อให้สามารถยืนยันที่มาที่ไป

ผู้สื่อข่าวจำนวนมากไปรอดักยิงคำถามใส่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย

ในฐานะ “แม่ทัพเลือกตั้ง” ว่าข่าวที่พรรคเพื่อไทย เตรียมสนับสนุนให้นายชัชชาติ แกนนำพรรค เป็นรายชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย

เป็นจริงหรือไม่-อย่างไร

คำตอบจาก “คุณหญิงหน่อย” คือ

ไม่ใช่กระแสข่าว แต่เป็นเรื่องในที่ประชุมของพรรค มีการพูดคุยกันแล้ว โดยจะทำงานส่งเสริมซึ่งกันและกัน

พลันที่ข่าวข้างต้นกระจายออกไป

ปฏิกิริยาตอบรับจาก “โลกโซเชียล” ก็ตามมาอย่างคึกคัก

แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นไปในทางบวก ทางสนับสนุน

จำนวนไม่น้อยที่ระบุว่า การประกาศตัวอย่างชัดเจนของพรรคเพื่อไทยและนายชัชชาติ

ทำให้การตัดสินใจว่าจะลงคะแนนเสียงให้ใครหรือพรรคใดในการเลือกตั้งครั้งนี้

ชัดเจนขึ้นด้วย

พลานุภาพของ “ความแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ของนายชัชชาติ

หนักหน่วงและรุนแรงขนาดไหน

พิจารณาได้จาก “โพล” ที่พรรรคการเมืองอื่น ซึ่งมิใช่เพื่อไทย ทำการสำรวจในช่วงก่อนปีใหม่

และพบว่า “ชัชชาติ เอฟเฟ็กต์” นั้นมีอยู่จริง

โดยหากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อบุคคลอื่นขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี

จำนวน ส.ส.ที่คาดว่าจะได้รับการเลือกตั้งจะอยู่ที่ประมาณ 190 ที่นั่ง

แต่หากเสนอนายชัชชาติ คะแนนความนิยมของพรรคจะเพิ่มขึ้นจนมี ส.ส.ได้รับเลือกตั้งเพิ่มเป็น 220 ที่นั่ง

แม้จะเป็นเพียงโพลเบื้องต้น ยังสามารถพลิกผันได้อีกก่อนที่วันเลือกตั้งจะมาถึง

แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงความนิยมในตัวนายชัชชาติ

และ “ทัศนคติ” ที่ประชาชนมีต่อนักการเมืองแต่ละประเภท

เพราะที่ปฏิเสธมิได้ก็คือ

หากมีการชูนายชัชชาติขึ้นมาเป็นหมายเลข 1 ของบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี

เท่ากับพรรคเพื่อไทยดันนายชัชชาติขึ้นมา “ประกบ-ชน” กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ซึ่งพรรคพลังประชารัฐประกาศชัดเจนว่าจะเสนอชื่อขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน

ถามว่าถึงวันนั้นเมื่อสามารถกาบัตรได้เพียงใบเดียว

ประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองไหน เพื่อส่งให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี?

ไม่แต่การประกบคู่ ประชันรัศมีกันอย่างชัดๆ แล้ว

ชัชชาติ เอฟเฟ็กต์ยังส่งผลต่อเนื่องตามมาอีกประการหนึ่ง

นั่นคือ เมื่อตัดสินใจลงสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว

นายชัชชาติลาออกจากตำแหน่งในบริษัทเอกชนที่ดำรงอยู่แบบเด็ดขาดฉับพลัน

แม้จะบอกว่าเป็นเพราะกฎหมายกำหนด

แต่ในอีกด้านก็ส่งคำถามไปต่อ 4 รัฐมนตรีในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ

และ พล.อ.ประยุทธ์-ในกรณีที่ได้รับการเสนอชื่อ

ว่าจะแสดง “มารยาททางการเมือง” หรือไม่

อย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image