ชุดเฉพาะกิจ ลุยกวาดล้างจับ ’13 สาวต่างด้าว’ ลอบทำงานร้านโอเกะ พบพฤติกรรมเข้าข่ายค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นายอภิชาติ วงษ์กาฬสินธุ์ จัดหางานจังหวัดนครพนม ได้ประสานงานร่วมกับ ชุดเฉพาะกิจ ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีคนต่างด้าวลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและการค้ามนุษย์จังหวัดนครพนม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จาก หน่วยงานกองกำลังรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครพนม ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 236 สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ลงพื้นที่กวาดล้างปราบปรามการลักลอบนำแรงงานต่างด้าว มาทำงานตามสถานบริการ สถานบันเทิง ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม หลังได้รับรายงานว่า มีสถานบริการ ร้านคาราโอเกะบางแห่ง มีพฤติกรรม เสี่ยงต่อการค้ามนุษย์ จึงระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ตรวจสอบ ปราบปรามจับกุมตามนโยบายของรัฐบาล หลังมีการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อจัดระเบียบและดูแลสภาพการจ้างงานของคนต่างด้าวในไทย โดยเฉพาะแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาทำงาน
โดยในครั้งนี้ ภายหลังการตรวจสอบ สามารถดำเนินการจับกุมผู้ประกอบการร้านอาหาร ประเภทร้านคาราโอเกะ จำนวน 7 แห่ง ตั้งในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พร้อมจับกุม แรงงานต่างด้าว ชาวลาว ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย จำนวน ทั้งสิ้น 13 ราย อายุระหว่าง 20 – 25 ปี ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่า มีการทำหนังสืออนุญาต เดินทางเข้ามาถูกต้อง แต่ไม่มีการขออนุญาตทำงาน ตามสถานประกอบการ ตามกฎหมาย อีกทั้ง ยังมีพฤติกรรม เข้าข่าย ค้ามนุษย์ โดยใช้แรงงานสาวลาว หน้าตาดี ในการเรียกลูกค้า เข้ามานั่งในสถานบริการ และดูแลใกล้ชิด รวมถึงนั่งดื่มกับลูกค้า จึงได้มีการตรวจสอบ บันทึกประวัติ ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสงคราม ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง พร้อมบันทึกประวัติผลักดันกลับประเทศ เกี่ยวกับความผิดแรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกจากสิทธิที่ทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท ส่วนนายจ้างรับคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างดาวทำงานนอกจากสิทธิที่ทำได้ โทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อการจ้างคนต่างด้าว 1 คน พร้อมแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการทุกแห่ง ให้ดำเนินการ ตามขั้นตอนของกฎหมาย และจะมีการตรวจสอบปราบปราบจับกุมต่อเนื่องทุกแห่ง
