จากกรณีเกิดเหตุอาคารศาลาทรงไทย ริมแม่น้ำแม่กลองถล่ม มีผู้บาดเจ็บและสูญหายหลายรายนั้น
ล่าสุด นางสุกานดา วรเชษฐบัญชา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีการนำรถเครนขนาดใหญ่ เตรียมยกอาคารขึ้น แต่เนื่องด้วยกระแสน้ำที่แรง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ
ต่อมา เมื่อเวลา 17.30 น. เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นางสุกานดา วรเชษฐบัญชา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงสรุปเหตุการณ์อาคารทรงไทยถล่มว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บ 20 ราย เป็นชาย 8 ราย ประกอบด้วยนายนฤดล ชื่นจิตร์ 24 ปี, นายไพรัตน์ พูกภักดี อานุ 54 ปี, นายเอื้ออังกูล โฆษิตพานิชย์ 17 ปี, เด็กชายยศกร อรุณราช 2 ปี 4 เดือน, นายทองตั้ง จันทร์นาค 67 ปี และ นายเกรียงไกร รอดทะยอย อายุ 16 ปี บาดเจ็บเล็กน้อยแพทย์ให้กลับบ้าน ส่วน นายฉลวย แสงจันทร์ อายุ 64 ปี, นายกษิดิศ พงศ์พรหม อายุ 16 ปี แพทย์ให้นอนดูอาการในโรงพยาบาล
ขณะที่ผู้หญิงบาดเจ็บ 12 ราย ประกอบด้วย นางสาวเกวลิน ยาเกลือ อายุ 17 ปี, เด็กหญิงวรนุช คำกองแก้ว อายุ 13 ปี, เด็กหญิงแก้วตา ช่างประดับ อายุ 14 ปี, นางสาวญานิสา มั่นเขตการณ์ อายุ 19 ปี, นางสาววสิตา แสงเครือ อายุ 17 ปี, นางสาวชลธร จันทร์ประสิทธิ์ อายุ 15 ปี, นางสาวมณฑา มังกร อายุ 46 ปี บาดเจ็บเล็กน้อยแพทย์ให้กลับบ้าน
ส่วนนางศรีนวล สนามเขต อายุ 58 ปี นางสาวศุภานิดา คุ้มอนุวงศ์ อายุ 16 ปี, นางสาวกรวี สนันท์บุญ อายุ 20 ปี ,นางสาวบุษยากร รุ่งอุทัย อายุ 17 ปี, เด็กหญิงปัณฑิตา ผลเจริญ แพทย์ให้นอนดูอาการในโรงพยาบาล
ส่วนผู้สูญหาย 2 ราย ประกอบด้วย นางสุรี อุราชื่น เป็นแม่ค้าขายอาหาร, นางสาวพรพิไล เสือเล็ก เป็นชาวสมุทรสงครามที่มาทานข้าว ซึ่งภารกิจเร่งด่วนคือการค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือแล้ว จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังให้ความช่วยเหลือเต็มที่
นายสุเมธ ธีรนิติ ปลัดจังหวัดสมุทรสงคราม ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการค้าหาผู้สูญหาย กล่าวว่า เมื่อชั่วโมงเศษที่ผ่านมา นักประดาน้ำได้ลงไปสำรวจใต้น้ำบริเวณอาคารที่พังลึกประมาณ 6 เมตร พบว่าน้ำแรงไม่สามารถปฏิบัติงานได้ จึงขึ้นมาปรับแผน รอน้ำนิ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม, กู้ภัยปอเต็กตึ้ง สรรพราเชนสมุทรสงคราม และหน่วยกู้ภัยสินสมุทรสมุทรสาคร นำชุดประดาน้ำ 4 ราย ลงสำรวจ เบื้องต้นศาลาล้มพับลงไปหันหัวไปทางกลางแม่น้ำมีซากเสาลวดจำนวนมาก ที่เป็นอันตรายกับนักประดาน้ำ ซึ่งจะต้องประชุมวางแผนกันต่อไป
นายประจินต์ ธารศิริสิน รอง ผวจ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า อาคารหลังที่ทรุดตัวลงน้ำเป็นของวัดเพชรสมุทรวรวิหาร และยังมีอีกหลังหนึ่งที่อยู่ติดกัน เบื้องต้นทางจังหวัดจึงสั่งห้ามใช้และห้ามเข้าใกล้บริเวณดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามจะดำเนินการตามแนวทางการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยต่อไป
