ร้องเพลงผิด‘คีย์’

5 สิงหาคม ตามกำหนดการเป็นวันที่มณฑลฝูเจี้ยน แผ่นดินใหญ่ เริ่มทำการส่งน้ำให้แก่หมู่เกาะจินเหมิน (เดิมเรียกเกาะคีมอย) ไต้หวัน และทำ “พิธีส่งน้ำ” ในวันเดียวกัน

เป็นเรื่องที่ดี ดีเพราะเป็นการเจริญไมตรี เป็นการเสริมสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

แต่สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน ไม่พอใจแผ่นดินใหญ่ในประการกดดันให้ยกเลิกการเป็นเจ้าภาพจัด “กีฬาเยาวชนเอเชียตะวันออก 2015” ณ นครไทจง

ไต้หวันจึงใช้ประเด็นดังกล่าวเป็นเหตุผล โดยขอให้ยกเลิก “พิธีส่งน้ำ”

Advertisement

เป็นพฤติการณ์อันประชดประชัน

ในที่สุด แผ่นดินใหญ่ก็ได้ทำพิธีส่งน้ำตามกำหนดการเดิมคือ “5 สิงหา” ไม่แปรเปลี่ยน

บัดนี้ รัฐบาลไต้หวัน นอกจากไม่อยู่ในโอวาทแล้วยังมีพฤติกรรมที่แข็งกร้าวต่อจีน

Advertisement

นางฉ้าย อิงเหวิน ผู้นำสูงสุด กำลังร้องเพลงผิดคีย์ เพ้อฝันความเป็นเอกราช

ต้องไม่ลืมว่า ทั้งสองฝั่ง คือ “ฝูเจี้ยน” แผ่นดินใหญ่ และ “จินเหมิน” ไต้หวัน ก็คือ

“จีนเดียวกัน”

ก็เพราะ “ฉ้าย อิงเหวิน” ไม่ยอมรับ “มติ 92” (1992 consensus) ซึ่งเป็นพื้นฐานทางการเมืองอันเกี่ยวแก่ความสัมพันธ์ของสองฝั่ง โดยให้ยึดหลัก “จีนเดียว” เป็นบรรทัดฐาน

(มติ 92 คือ ข้อตกลงที่ปราศจากลายลักษณ์อักษร ระหว่างแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันในประเด็นยอมรับ “นโยบายจีนเดียว” เป็นข้อตกลงเมื่อปี 1992 ณ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง)

2 ปีกว่าที่ผ่านมา บรรดากิจการต่างประเทศของไต้หวัน ได้ถูก “ปักกิ่ง” ตัดทอนและจำกัดขอบเขตไปไม่น้อย เพราะในทางพฤตินัย ไต้หวันพยายามแสดงตนว่าเป็นเอกเทศ ไม่อยู่ใต้อาณัติของจีน เป็นต้นว่า “พลังผลักดัน” ให้ไต้หวันเป็นเอกราช โดยพยายามใช้ชื่อ “ไต้หวัน” ไปร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะขัดต่อ “มติ 92”

ฉะนั้น รัฐบาลจีนจึงกดดันให้ไต้หวันยกเลิกการจัด “กีฬาเยาวชนเอเชียตะวันออก 2019”

เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู

ความจริงชื่อ “Chinese Taipei” ที่ใช้อยู่นั้น ดีแล้ว ดีกว่าใช้ “Taiwan”

เสมือนเป็นการเปลี่ยน “แพคเกจ” ใหม่ แต่เนื้อในเหมือนเดิม

เพราะ “Taiwan” นั้น มิใช่ว่า “หอม”

ชื่อ “Chinese Taipei” เป็นที่ยอมรับของวงการกีฬาระหว่างประเทศ

เป็นการทำ “โปรโมชั่น” อีกโสดหนึ่ง

“ฉ้าย อิงเหวิน” ผู้นำสูงสุดไต้หวัน คงเมากระแส เป็นกระแสสังคม เป็นสังคมฝันเพ้อ เพ้อในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คือ “เอกราชไต้หวัน”

ฉะนั้น จึงร้องเพลงผิดคีย์

พฤติกรรมของเธอ ไม่สอดคล้องกับหลักของตรรกะ เพราะการที่ประชดร้องเรียกให้ยกเลิกการส่งน้ำจาก “ฝูเจี้ยน” ไปยัง “จินเหมิน” นั้น นอกจากเป็นการทำลายสภาพจิตใจของประชาชนจินเหมินแล้ว ก็มิได้ช่วยเรื่องการเสียสิทธิในการจัดกีฬาเยาวชนเอเชียตะวันออกแต่อย่างใด

และที่ทำให้พิศวงงงงวยคือ การแก้ปัญหานักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ “บอยคอต” ไม่มาเที่ยวไต้หวัน ด้วยการส่งเสริมให้บรรดาธุรกิจท่องเที่ยวในไต้หวันให้จัดทัวร์ไปเที่ยวกลุ่มประเทศแปซิฟิก ท่ามกลางธุรกิจท่องเที่ยวในไต้หวันกำลังตกต่ำ ก็ทำให้ยิ่งตกต่ำมากขึ้น และกำลังเผชิญกับสภาพ “ความเป็นความตาย” อยู่อย่างประจักษ์

กรณีเหมือนกับการข้ามมหาสมุทรของพระโพธิสัตว์ ซึ่งมิอาจเอาตัวรอด

เหมือนที่นางยังเอาตัวไม่รอด แต่ทำงามหน้าไปทำ “favourable offered” แก่ธุรกิจทัวร์

จึงเป็นข้อกังขาของคนทั่วโลก

“ฉ้าย อิงเหวิน” เกาไม่ถูกที่คัน

เมื่อปี 2016 พลันที่พรรคประชาก้าวหน้าของเธอ ขึ้นบริหารไต้หวัน ทัวร์จีนที่มาเที่ยวไต้หวันลดลงทันที 17% ต่อมา 2017 ลดลงอีก 26%

แม้ว่า “ไทเป” เปลี่ยนกฎการเข้าเมืองไม่ต้องขอ “วีซ่า” ให้แก่ 18 ประเทศ ซึ่งได้แก่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตลอดจนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นต้น

และแม้ว่าปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจนทำลายสถิติ

แต่เงินตราต่างประเทศจากธุรกิจท่องเที่ยวก็ยังลดลงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ก็เพราะ “กำลังบริโภค” สู้ทัวร์จีนไม่ได้

กรณีละม้ายกับ “ดาวทั้งฟ้ายังไม่เท่าพระจันทร์หนึ่งดวง”

ถ้าหาก “ฉ้าย” อยาก “อยู่นาน” แต่ยังบริหารในรูปแบบ “รัฐบาลยามรัตติกาล” หรือทำงานแบบผิดฝาผิดฝั่ง ในที่สุดก็ต้อง “ตกเก้าอี้”

อย่างไรก็ตาม ระยะนี้ดูท่าทีของเธอเปลี่ยนไปจากเดิม อาจไปเกาะชายกางเกง “โดนัลด์ ทรัมป์” แล้วคิดว่ามีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง จึงปีกกล้าขาแข็ง แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับแผ่นดินใหญ่ อันอาจเป็นการย้ำรอยประวัติศาสตร์วาระสุดท้ายการดำรงตำแหน่งของ “เฉิน สุยเปี่ยน”

ประมาณกลางเดือนสิงหาคม “ฉ้าย อิงเหวิน” มีกำหนดการเยือนประเทศอเมริกาใต้ ซึ่งทั้งไปและกลับต้องผ่านสหรัฐ เป็นที่เข้าใจว่า ต้องมี “โปรโมชั่น” แน่นอน เช่น

เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว “ฉ้าย” “transit” สหรัฐมีสิทธิพัก 28 ชม. จึงได้พบปะกับบุคคลสำคัญในวงการเมืองของสหรัฐหลายคน รวมทั้งคณะบริหารของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ด้วย

เป็นการพบปะแบบ “ลับเฉพาะ”

มีข่าวว่า ทางผ่านสหรัฐของ “ฉ้าย” ครั้งนี้ รัฐบาลจะส่งรองรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ตลอดจนผู้บริหารที่มีระดับสูงกว่าไปพบกับเธอ ตามแบบฉบับ “ลับเฉพาะ”

ถ้าข่าวนี้เป็นจริง ต้องกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนแน่นอน

จึงไม่แปลกที่ “ปักกิ่ง” อ่อนไหวต่อประเด็นดังกล่าวมาก

กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงว่า จีนได้ประท้วงเรื่องนี้ต่อสหรัฐไปแล้ว

ก็เพราะ “ฉ้าย” เกาะติดชายกางเกงของ “ทรัมป์” จึงกล้าสยายปีก ถึงขั้นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน “กลั่นแกล้ง” คณะผู้แทนแผ่นดินใหญ่ที่จะไปร่วมประชุมเอเปค (APEC) ที่ไทเป เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม จนไม่สามารถเข้าเมืองได้

เป็นพฤติกรรมที่บังอาจก้าวร้าว ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และผิดมารยาททางการทูตอีกด้วย

อย่าลืมว่า การประชุมเอเปค รอบหน้าเดือนพฤศจิกายน จัดที่ประเทศปาปัวนิวกินี

พรรคประชาก้าวหน้าก็จะส่งผู้แทนเข้าร่วม

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พอจะอนุมานได้ว่า จีนจะต้องอาศัยเหตุผล “นโยบายจีนเดียว” เป็นพื้นฐานทางการเมืองโดยใช้ “สิทธิยับยั้ง” มิให้ “ไต้หวัน” เข้าร่วมประชุม

เรื่องที่น่าสนใจคือ การเลือกตั้งทั่วไปของไต้หวันจะมีขึ้นในวันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งหลังจากการประชุมเอเปค เพียง 1 สัปดาห์

ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคประชาก้าวหน้ามักจะชูประเด็นถูกแผ่นดินใหญ่กดดันรังแก มาใช้หาเสียงเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากประชาชนผู้ใช้สิทธิ ถือเป็น “ไพ่เด็ด” ที่สัมฤทธิผล

แต่คราวนี้ คนไต้หวันอาจเปลี่ยนใจ เปลี่ยนใจเพราะจากผลการสำรวจ ความนิยมในตัวนางลดน้อยถอยลงมากทีเดียว ฉะนั้น จึงไม่แน่ใจว่า “ไพ่เด็ด” ใบนี้ ยังเล่นได้หรือไม่

ผลการเลือกตั้งจะเป็นคำตอบที่ดี

ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image