จากกรณี นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี ก่อเหตุเมาแล้วขับรถเบนซ์ อี250 สีบรอนซ์ ทะเบียน ษฮ 789 กรุงเทพมหานคร ชนรถยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟท์ สีขาว ทะเบียน 2กก 3653 กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เสียชีวิตคาที่ ส่วน นางนุชนาถ งามสุวิชชากุล 44 ปี ภรรยา และ ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี ลูกสาว ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางนุชนาถไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ตามที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ศาลา 5 วัดตรีทศเทพวรวิหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางครอบครัวของ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เป็นสถานที่จัดงานรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรม พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. และ นางนุชนาถ งามสุวิชชากุล 44 ปี ภรรยา
ทั้งนี้ นายสมชาย ได้เดินทางไปร่วมงานศพ และระหว่างนั้นนายสมชาย ได้เข้าไปพูดคุยกับครอบครัวของ พ.ต.ท.จตุพร ได้ยกมือไหว้และก้มลงกราบเท้ามารดาและบิดา ภรรยาของ พ.ต.ท.จตุพร
ด้านน.ส.ขนิษฐา เลิศวรจักรพงษ์ พี่สาวของของนางนุชนาถ ภรรยารองตี๋ กล่าวว่า หลานสาวรู้สึกตัว และตอบสนองได้แล้ว โดยสามรถสื่อสารได้ด้วยการเขียนข้อความในกระดาษ โดยคำแรกที่หลานสาวเขียนคือ “ป๊ากับแม่ไปไหนหมด” ซึ่งคนในครอบครัวยังไม่สามารถบอกข้อเท็จจริงกับหลานสาวได้ โดยบอกว่า พ่อ แม่ รักษาตัวอยู่ไม่สามารถมาเยี่ยมได้ เพื่อให้น้องแพรที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีกำลังใจในการรักษาตัวในเรื่องของการเยียวยานั้นเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญคืออยากให้หลานทั้งสองคนได้สิ่งที่เติมเต็มอย่างที่เคยได้รับมา ให้รักษาตัวเองให้หายก่อน เพื่อจะได้ไปดูเเลพ่อกับเเม่ ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอให้หลานอาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน จึงจะบอกความจริง
สิ่งสำคัญที่อยากฝากเพื่อเป็นอุทาหรณ์ของใครหลายๆคน ว่าไม่อยากให้มีเหตุการณ์เเบบนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเห็นเเต่ข่าวคนอื่น ไม่เคยคิดว่าจะเจอกับครอบครัวตัวเอง ซึ่งความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นความสูญเสียที่ประเมินราคาไม่ได้ เเละเงินเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่คำตอบ เพราะเด็กทั้ง2คนได้สูญเสียพ่อเเละเเม่ ซึ่งก็เปรียบสเมือนเขาสูญเสียทุกอย่างในชีวิตไปเเล้ว ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เเบบนี้อีกเพราะการกระทำของคนเพียงคนเดียว มันส่งผลกระทบต่อใครอีกหลายคน ซึ่งหลานสาวทั้งสองคน ตนก็จะดูเเล เเละเติมเต็มในส่วนที่เขาขาดหายไป
ส่วน น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล หรือน้องพลอย หลานสาวคนโต ขณะนี้สภาพจิตใจย่ำเเย่ตั้งเเต่ทราบข่าว โดยร้องไห้ตลอดเวลา ซึ่งหลังจากนี้จะต้องดูสภาพจิตใจ ว่าจะสามารถไปเรียนต่อที่อมริกาให้จบได้หรือไม่ โดยน้องพลอยพูดสั้นๆว่ายังไม่ได้คิดเรื่องอนาคต ซึ่งตอนนี้คิดเพียงอย่างเดียวว่าอยากให้น้องดีขึ้น เเละอยากให้น้องหาย โดยตนจะคอยดูเเล เเละให้กำลังใจน้อง
น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล หรือน้องพลอย อายุ16 ปี ลูกสาวคนโต เปิดเผยว่า ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการที่เกิดขึ้นและยังไม่คิดถึงการที่จะกลับไปเรียนต่อเพราะตอนนี้อยากจะขอดูแล อาการน้องให้ดีกว่านี้ก่อนส่วนเรื่องการเรียนต้องขอปรึกษากับทางญาติก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไงต่อไป
นายสมชาย เปิดเผยด้วยสีหน้าเศร้าว่า ในวันนี้ตนเองตั้งใจเดินทางมาร่วมงานสวดอภิธรรมผู้เสียชีวิตทั่งสองหลายพร้อมกับขออโหสิกรรมกับญาติของผู้เสียชีวิต ในส่วนการดูแลเยียวยานั้นตนยืนยันว่าดูแลจะดูแลหลานทั้งสองไปตลอดชีวิตทั้งนี้ตนมีความตั้งใจที่จะบวชหน้าไฟให้กับผู้เสียชีวิตทั้งสอง
