แม่เฒ่าวัย 103 ปี เข้ารับวัคซีนโควิดของ ‘แอสตร้าฯ’ ด้านลูกๆชวนทุกคนออกมาฉีดให้เยอะๆ
วันที่ 8 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ทางภาครัฐได้กระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในรอบที่ 2 นี้ ซึ่งเป็นของแอสตร้าเซนเนก้านั้น ทั้งนี้เข็มแรกก็ได้ฤกษ์ฉีดไม่แล้วเมื่อวันนี้นั้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ารับการฉีดนั้นพบว่ามีผลข้างเคียงเหมือนวัคซีนของซิโนแว็คแต่ไม่รุนแรง โดยบางรายจะมีอาการตัวรุม ๆ จนเป็นไข้ ทั้งนี้อาการผลข้างเคียงนี้จะเป็นเฉพาะผู้ที่เข้ารับการฉีดบางรายเท่านั้น
สำหรับวันนี้ยังคงเป็นคิวของผู้สูงอายุมีที่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว โดยทุกคนได้เดินทางมาที่จุดฉีดวัคซีนของ รพ.เชียงคำ จ.พะเยา ทั้งนี้พบว่ามีคุณยายรายหนึ่งอายุ 103 ปี ทราบชื่อต่อมาคือ นางซ่งเง็ก แซ่เต็ง เดินทางมาพร้อมกับบุตรชายอีก 2 คนเพื่อที่จะมารดาของตนเองเข้ารับการฉีดวัคซีนนี้ด้วย ทั้งให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความฮือฮาเป็นอย่างมาก
โดยนายชัยพร วงศ์สถาพรชัย อายุ 65 ปี บุตรชายของนางซ่งเง็ก ได้กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ทราบข่าวจากทาง รพ.เชียงคำถึงการจองฉีดวัคซีนแอสตร้าฯนี้ ตนเองก็ได้รีบทำการจองให้มารดาทันที ซึ่งได้คิววันนี้ด้วย ทั้งนี้ก่อนที่จะพามารดามาฉีดวัคซีนนั้น ตนเองก็ได้ทำการเตรียมตัวให้มารดาก่อน
นายชัยพร ระบุว่า มารดาของตนจะเป็นคนที่หลับในช่วงเวลาก่อน 21.00 น. และจะตื่นในทุกวันของช่วงเวลา 07.00 น. โดยหลังจากที่มารดาของตนได้ตื่นนั้นตนและลูก ๆ หลาน ๆ คนอื่นจะช่วยทำกิจกรรมให้มารดาของตนเองอยู่ตลอดเวลา
“ทั้งนี้ก่อนที่จะเข้ามารับการฉีดวัคซีนนั้น ได้พามารดาไปพบแพทย์ประจำตัวเมื่อวันที่ 2 ก.ค.64 ที่ผ่านมาเพราะมารดามีโรคประจำตัวได้แก่ โรคความดัน โรคไตและโรคเก๊า ซึ่งหลังจากได้ปรึกษากับทางแพทย์ประจำตัวของมารดาแล้ว ได้ลงความเห็นว่าสามารถพามารดาไปฉีดวัคซีนนี้ได้ แต่จะต้องดูแลหลังฉีดวัคซีนนี้ด้วยเพราะเกรงว่าจะมีผลข้างเคียงตามมา ทั้งนี้ ผมรู้ว่ามารดาเป็นคนแข็งแรงจะสามารถผ่านตรงจุดนี้ไปได้อย่างแน่นอน” นายชัยพร ระบุ
นายชัยพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอฝากถึงพี่น้องคนเชียงคำและทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยว่า สำหรับการที่ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ประเทศไทยห่างไกลจากโรคร้ายนี้ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้คนอื่นได้มองเห็นภาพถึงการฉีดวัคซีนนี้ด้วย และอยากจะขอฝากให้ทุกคนได้เดินทางเข้ามารับการฉีดวัคซีนนี้ให้มาก ๆ เพื่อที่จะได้ทำให้คนอื่นได้เกิดความสนใจและทางแพทย์จะได้ไม่ทำงานหนักด้วยเช่นกัน
