ทลายโรงงานปั๊มพาสปอร์ตปลอมส่งขายทั่วโลก จับอิหร่าน ฉายา”ดอกเตอร์”ตัวการ พบแก๊งลูกแพะลูกค้ารายใหญ่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. (ฝ่ายความมั่นคง) พร้อม พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. แถลงผลการทลายโรงงานผลิตพาสปอร์ตปลอมระดับโลก สามารถจับกุมนายฮามิด เรซ่า จาฟารี่ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ฉายา “ดอกเตอร์” ตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลังปลอมพาสปอร์ตส่งขายทั่วโลก พร้อมพวกอีก 5 คน นายชีมา อาห์ซัน เจฟ นายอเมอร์บูท นายราห์อิม คาน พา ทัน นายโกฮาร์ ซาแมน และนายมูฮัมหมัด ทาริค ชาวปากีสถาน พร้อมยึดอุปกรณ์ปลอมแปลงพาสปอร์ตและพาสปอร์ตที่เตรียมทำปลอมส่งขาย 173 เล่ม โดยมีเจ้าหน้าที่ตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ , ฝรั่งเศส , นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย มาร่วมตรวจสอบด้วย

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า นายฮามด เรซ่า จาฟารี่ รับว่าเป็นนักปลอมแปลงพาสปอร์ต ที่คนในวงการรู้จักในฉายา “ดอกเตอร์” อยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 25 ปี เป็นผู้ทำหนังสือเดินทางปลอมป้อนให้ขบวนการลูกแพะ นอกจากนี้ยังทำหนังสือเดินทางปลอมส่งให้ลูกค้าทั่วโลก ราคา 50,000-80,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน สำหรับเครื่องมือที่ใช้ปลอมหนังสือเดินทาง สั่งนำเข้ามาจากประเทศจีน มีความชำนาญในการปลอมพาสปอร์ตที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อ แผ่นเพลทแกะเองกับมือ และใช้เทคโนโลยีในการผลิตระดับสูง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบว่าเป็นพาสปอร์ตปลอม ส่วนชาวปากีสถานอีก5คนเป็นเพียงตัวกลางติดต่อระหว่างลูกค้ากับดอกเตอร์เท่านั้น

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวต่อว่า ปี 2556-2558 สตม. และ ศรภ. จับกุมคดีเกี่ยวกับเอกสารการเดินทางปลอมหลายคดี จับกุมนายหน้าและผู้ร่วมขบวนการลักลอบส่งคนไปประเทศที่สามโดยผิดกฎหมายหลายราย ยึดเอกสารการเดินทางปลอมและตราประทับของ ตม.ไทย และ ตม.ต่างชาติ ได้จำนวนมาก การจับกุมหลายครั้งมีข้อมูลเชื่อมโยงไปที่ตัวการใหญ่ ที่รู้จักในนาม “ดอกเตอร์” มีพฤติกรรมเป็นนักปลอมแปลงพาสปอร์ตคุณภาพสูง เกรด “AAA”หรือ “Mirror Grade” มีการรับประกันความสำเร็จของผลงาน ส่งขายให้กับขบวนการลักลอบส่งคนไปยังประเทศที่สามโดยผิดกฎหมาย หรือ “แก๊งค์ลูกแพะ” ราคา 50,000-80,000 บาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีการสั่งปลอมหนังสือเดินทางจากต่างประเทศทางอินเตอร์เน็ต โดยลูกค้าจะส่งภาพถ่ายและข้อมูลผ่านทางอีเมล์ สามารถเลือกประเทศที่ต้องการปลอมได้ ส่วนใหญ่มักเป็นหนังสือเดินทางของประเทศในกลุ่มยุโรป เพราะมีความน่าเชื่อถือสูงและใช้เดินทางเข้าออก ได้เกือบทุกประเทศ ตัวดอกเตอร์เองใช้พาสปอร์ตปลอมเดินทางเข้าประเทศไทย ไม่สามารถตรวจสอบด้วยตาเปล่า ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะในการตรวจจึงจะสามารถทราบได้ว่าเป็นของปลอม

ผบช.สตม. กล่าวต่อว่า หลังจากลูกค้าโอนเงิน ขบวนการนี้จะส่งหนังสือเดินทางปลอมผ่านทาง FedEX หรือ DHL ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาติตะวันออกกลาง อาทิ อิหร่าน ซีเรีย อัฟกานิสถาน อิรัก เพื่อใช้เดินทางเข้ายุโรปและออสเตรเลีย จากการขยายผลพบว่า “ด็อกเตอร์” ชอบเก็บตัว ทำตัวลึกลับ ไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะ การติดต่องานจะติดต่อผ่านตัวกลางที่เป็นตัว “คัตเอาท์” 4-5 คน ไม่มีใครเคยพบตัวจริง ทราบเพียงว่าเป็นชายชาวอิหร่าน ผิวชาว รูปร่างท้วม อายุ40-50 ปี ศีรษะล้าน ชุดสืบสวนใช้เวลาในการแกะรอยอยู่หลายปี เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาชุดสืบสวนพบข้อมูลที่เชื่อมโยงว่า “ด็อกเตอร์” มีแหล่งกบดานและแหล่งผลิตอยู่ที่บ้านเลขที่ 23/193 หมู่บ้านทรัพย์กมล ถนนสุวินทวงศ์ ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พบชายชาวต่างชาติ แสดงหนังสือเดินทางประเทศบราซิลปลอม ผลการตรวจค้นพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลอมแปลงหนังสือเดินทางจำนวนมาก อาทิ แท่นปั้มลายกระดาษปกหนังสือเดินทาง เครื่องปั้มลายนูน จักรเย็บผ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แท่นแม่พิมพ์ปกหนังสือเดินทาง จำนวน 34 อัน แท่งสำหรับเจาะรูหมายเลขหนังสือเดินทาง 5 อัน ตราประทับ ตม.มาเลเซีย บล็อกสกรีนลายหนังสือเดินทาง 18 อัน กระดาษทำปกหนังสือเดินทางจำนวนมาก เครื่องแกะแบบเลเซอร์ ตราประทับ ตม.หนองคาย และแผ่นปะวีซ่าประเทศไทย ส่วนมากเป็นชาติยุโรปที่เตรียมทำปลอมส่งขายจำนวน 173 เล่ม สำหรับเครื่องมือที่ใช้ปลอมหนังสือเดินทางสั่งนำเข้ามาจากประเทศจีน มีความชำนาญในการปลอมพาสปอร์ตที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อ โดยนายฮามิด รับว่า แผ่นเพลทแกะเองกับมือ และใช้เทคโนโลยีในการผลิตระดับสูง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบว่าเป็นพาสปอร์ตปลอม

Advertisement

ตม.2

ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า การทลายโรงงานปลอมพาสปอร์ตในครั้งนี้ ถือเป็นการจับกุมรายใหญ่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เมื่อปี 2558 ทางประเทศไทยเคยถูกประเทศสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่า เป็นแหล่งผลิตพาสปอร์ตระดับโลก แต่จากการจับกุมในครั้งนี้เป็นที่ยืนยันได้ว่า กลุ่มคนดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตเท่านั้น และสำหรับคดีนี้ชุดสืบสวนใช้เวลาแกะรอยข้อมูล จนกระทั่งสาวถึงตัวการใหญ่และนำไปสู่การทลายแหล่งผลิตขนาดใหญ่ระดับโลกได้ในที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image