ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
วิเคราะห์หน้า 3 : ยุบไม่ได้ ปรับไม่ได้ บิ๊กตู่ รัฐบาล เส้นทางวิบาก ปี’65
ประเด็น 260 เสียงครึกโครมอีกครั้ง เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรรคเศรษฐกิจไทย พร้อม ส.ส.และสมาชิกพรรค ลงพื้นที่ชุมชนการเคหะท่าเรือคลองเตย ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน
ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการขับเคลื่อนพรรคเศรษฐกิจไทยว่า จะจัดประชุมใหญ่ช่วงสิ้นเดือนมีนาคมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค
ตอนนี้ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค
ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้า ร.อ.ธรรมนัสยืนยันว่า จะส่งครบทั้ง 400 เขต และจะเน้นคัดเลือกผู้สมัครที่สังคมแต่ละจังหวัดให้การยอมรับ และต้องเป็นคนที่อยากเป็นผู้แทนของราษฎร ส่วนคาดหวังว่าจะได้กี่เก้าอี้นั้น
มั่นใจว่า ส.ส.ทั้ง 18 คนเป็น ส.ส.น้ำดี และจะได้กลับมาเป็นผู้แทนราษฎรครบทุกคน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในสมัยประชุมรัฐสภาครั้งหน้า
ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า เราประกาศชัดเจนว่าเราจะยืนอยู่ฝ่ายประชาชน หากรัฐมนตรีคนใดที่ถูกอภิปรายและมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย เราโหวตสวนแน่นอน เพราะไม่เห็นด้วยที่จะให้ทำหน้าที่ต่อ ดังนั้น จะพิจารณาเป็นรายกรณีไป
และเมื่อถามว่า ตัวเลข 260 เสียง ที่จะหนุน พล.อ.ประยุทธ์
ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า “260 เสียง ฝันไปหรือเปล่า”
ประเด็นดังกล่าวดังกระหึ่มในช่วงท้ายปิดสมัยประชุมรัฐสภาครั้งที่ผ่านมา เมื่อมีกระแสข่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โชว์โพยชื่อ ส.ส.260 ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
การแสดงชื่อดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส และ ส.ส. รวม 21 คน ออกจากพรรค
ภายหลัง 18 ส.ส.เข้าสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย อีก 3 ส.ส.สังกัดพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลนั้นอยู่ระดับปริ่มๆ จึงเกิดเหตุการณ์สภาล่มอยู่เนืองๆ
พรรคฝ่ายค้านได้พยายามดำเนินการทุกอย่างเพื่อกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก ขณะเดียวกันก็มีกระแสกดดันให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่
แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลแล้ว ยืนยัน ไม่ยุบ
โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ย่อมทราบดีว่า หากยุบสภาในเวลานี้ ผลการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่เหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เสียแล้ว
ทั้งนี้ เพราะระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้พรรคพลังประชารัฐบอบช้ำ พล.อ.ประยุทธ์ ก็บอบช้ำ
ขณะเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านอื่น กลับเริ่มมีน้ำมีนวล
พรรคภูมิใจไทยได้เสียง ส.ส.สนับสนุนเพิ่ม ทั้ง ส.ส.จากฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส.จากฝ่ายค้าน
นโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่เดิมมองว่ายากจะสำเร็จ เช่น กัญชา กลับประสบความสำเร็จขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม
พรรคประชาธิปัตย์ ชูผลงานการส่งออก และประกันรายได้พืชผลการเกษตร ชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อม 2 จังหวัดภาคใต้ที่มีการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ
สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริหารประชาธิปัตย์ว่า กระแสความนิยมกำลังกลับคืนมา
เช่นเดียวกัน พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และพรรคก้าวไกล ที่แม้จะพ่ายแพ้ในการการเลือกตั้งซ่อมในเขตหลักสี่ กทม. แต่คะแนนที่ได้รับนั้น ถือว่าน่าพอใจ
เมื่อกระแสของพลังประชารัฐยังเป็นขาลง ส่วนพรรคอื่นๆ กลับเป็นขาขึ้น
การยุบสภาเลือกตั้งใหม่จึงไม่ใช่ทางเลือก
สําหรับโอกาสการปรับ ครม.นั้น ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวสะพัดว่า ส.ส.ที่ออกจากพรรคพลังประชารัฐมีแนวคิดผลักดันให้ปรับ ครม. โดยให้ ร.อ.ธรรมนัส นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี
แต่กระแสข่าวดังกล่าวกลายเป็น “ข่าวลือ” ในทันที เมื่อมีการปฏิเสธทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่าย ร.อ.ธรรมนัส
สาเหตุลึกๆ คือ การพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส นั้นคือการ “ปลดออก”
ดังนั้น การจะให้ ร.อ.ธรรมนัสกลับไปเป็นรัฐมนตรีอีกหนจึงต้องคำนึงถึงความควรหรือไม่ควร
ยิ่งกระแสข่าวดังกล่าวออกมาในรูปแบบยื่นคำขาดกดดัน จึงทำให้โอกาสที่จะเป็นไปได้มีน้อยลงเรื่อยๆ
จวบจนปัจจุบัน ความเป็นไปได้ดังกล่าวแทบจะหายไป
เรื่องเช่นนี้ ร.อ.ธรรมนัส น่าจะทราบดี
ขณะที่การลาออกนั้น แม้จะมีแรงบีบให้ พล.อ.ประยุทธ์ สละเก้าอี้ แต่ฝ่ายรัฐบาลประเมินดูแล้วเห็นว่า เสียงสภายังสามารถค้ำยันเก้าอี้นายกฯและรัฐบาลได้
ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภา มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ
เมื่อมีการเสนอญัตติแล้ว นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาผู้แทนราษฎรมิได้
มติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
หากสภาลงมติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีผู้นั้นจะต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีตามมาตรา 170
แต่ในขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังมั่นใจว่า เสียงฝ่ายรัฐบาลมีมากกว่าฝ่ายค้าน
ขณะที่รัฐบาลเหลือวาระในการดำรงตำแหน่งแค่ 1 ปี
ฝ่ายรัฐบาลจึงเชื่อว่าจะสามารถทู่ซี้ต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม การทู่ซี้ต่อไปในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งมีวิกฤตเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
จากวิกฤตเศรษฐกิจเดิม ซ้ำเติมด้วยวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด และขณะนี้ตามมาด้วยสงครามรัสเซียบุกยูเครน ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจรอคอยอยู่ข้างหน้า
ปัญหาที่เกิดขึ้นมาช้านาน หากบริหารจัดการได้ไม่ดี ย่อมส่งผลกระทบต่อการเมือง
การเมืองที่จะยุบสภาก็ไม่ได้ จะปรับ ครม. ก็ไม่ควร
กลายเป็นวิบากกรรมที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ต้องเดินต่อไปตลอดปีนี้