ผู้เขียน | เดินหน้าชน |
---|
แม้ว่าจะมีเสียงท้วงติงอย่างหนัก แบบที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อย ต่อโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ของรัฐบาลเพื่อไทย
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักธุรกิจ นักวิชาการ ข้าราชการและอดีตข้าราชการผู้เชี่ยวชาญหลากหลาย
โดยเฉพาะทั้งจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรืออดีตผู้ว่าแบงก์ชาติก็ตาม
ต่างแสดงความเป็นห่วงผลกระทบที่จะตามมาอาจจะรุนแรงกระทบประชาชนในอนาคต
แต่ดูเหมือนรัฐบาลเพื่อไทยยืนยันจะเดินหน้าโครงการนี้
เพราะเชื่อมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยดูแลปากท้องประชาชนจำนวนมาก
ในสถานการณ์ต้นทุนการใช้ชีวิตพุ่งพรวดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากหลากหลายปัจจัยลบ
ทั้งโควิด สงคราม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง และกลายเป็นปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือ ปัญหามลพิษทางอากาศ
แต่ความเป็นห่วงของผู้คัดค้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ล้วนแล้วแต่น่ารับฟังและช่วยกันป้องกัน
เพราะหากพลั้งพลาดขึ้นมา โดยเฉพาะในช่วงความไม่แน่นอน จากสถานการณ์โลกผันผวนในหลายๆ ด้านตอนนี้
ยิ่งชวนให้ขนลุกถึงผลกระทบจะรุนแรงต่อสถานะการเงินการคลังของประเทศ
แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ยังเชื่อมั่นว่า สิ่งสำคัญต้องเร่งทำให้ประชาชนรับรู้ถึงประโยชน์ของการเกิดขึ้นของรัฐบาลเพื่อไทยโดยเร็วที่สุด
จึงต้องจัดแบบ “เร็วและแรง” เดินหน้านโยบายด้านต่างๆ เกี่ยวกับปากท้องประชาชนจำนวนมาก
ด้วยเหตุผลหลากหลายที่เราทราบกันดี ทั้งการต่อสู้กับกระแสนิยมก้าวไกล การกลับมารับโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร
เพื่อไทยเชื่อว่าปัญหาข้อกังวลต่างๆ เกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลจะสามารถ “เอาอยู่”
เพียงแต่ที่ผ่านมาการชี้แจงอรรถาธิบายอาจจะไม่ชัดเจน
เพราะยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วน ยังต้องปรับให้เหมาะสมกับหลักการดิจิทัลวอลเล็ต เดินหน้าผ่านระบบบล็อกเชน
ถือเป็นเรื่องใหม่ในแง่การใช้งานสาธารณะ ให้เกิดประโยชน์กระจายไปทุกพื้นที่ให้มากที่สุดสำหรับคนจำนวนมหาศาล ภายใต้เงื่อนไขเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด
แต่ปัญหาหลักๆ ในสถานการณ์รัฐบาลอัด “ยาแรง” คือต้องกู้เงินเกิดหนี้สินมหาศาล เพื่อใช้กับนโยบายต่างๆ ที่ดูเหมือนจะหามาเท่าไหร่ก็ไม่พอ
รัฐบาลเพื่อไทยจึงพยายามเร่งกระตุ้นเครื่องยนต์เศรษฐกิจ หลังจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือตัวเลขจีดีพีแผ่วลงไปนานมาก ทั้งที่ไทยมีจุดขายเพียบ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จึงประกาศสวมบทบาท “เซลส์แมน”
เดินสายไปหลายประเทศพบปะนักธุรกิจ เพื่อชักชวนมาลงทุนในประเทศไทย
เป้าหมายเพื่อกระตุ้นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจคือ “การลงทุน” จากภาคเอกชนจากต่างประเทศ
หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ นายเศรษฐาเดินหน้าปลุก “การท่องเที่ยว” ทันที
เป็นการกระตุ้นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวแรกไปแล้วก่อนหน้านี้
ตามมาด้วยเครื่องยนต์เศรษฐกิจอีกตัวก็คือ “การส่งออก” ผ่านการลดต้นทุนการผลิตด้านต่างๆ
รัฐบาลเพื่อไทยกำลังพยายามทำให้เห็น ตามที่ นายทักษิณ ชินวัตร เคยพูดย้ำหลายครั้งผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อครั้งลี้ภัยอยู่ต่างประเทศสมัยรัฐบาลประยุทธ์ว่า
รัฐบาลประยุทธ์กู้เงินเก่ง ก็ต้องหาเงินให้เก่งด้วย
เมื่อมาได้นายเศรษฐาอดีตนักธุรกิจเข้ามากุมบังเหียนนายกรัฐมนตรี แถมควบรัฐมนตรีคลังอีกต่างหาก
จึงได้เห็นสไตล์การทำงานแบบเอกชน ทั้ง “เร็วและแรง”
แต่เมื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน ด้วยการงัดกลยุทธ์ “ควิกวิน” ที่นายเศรษฐาประกาศไปแล้ว
จำเป็นต้องทำให้เกิดความ “ยั่งยืน” โดยเฉพาะเร่งสะสางปัญหาเชิงโครงสร้างทางสังคม
ทั้งปัญหาการทุจริตและปัญหาความเหลื่อมล้ำในด้านต่างๆ กำลังเกาะกินโครงส้รางสังคมไทยอย่างน่าห่วง
เพื่อให้ประเทศเกิดการพัฒนา ประชาชนอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน
ไม่ใช่แบบไฟไหม้ฟาง วูบวาบ หรือแค่เป็นช่วงจัดโปรโมชั่นของภาคธุรกิจเท่านั้น
ที่สำคัญเพื่อความเติบโตมั่นคงอย่างยั่งยืนของพรรคเพื่อไทยเอง
ในช่วงกำลังผลัดใบให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เข้ามาเป็นผู้นำต่อไป
ไม่ประสบชะตากรรมเหมือนนายทักษิณผู้เป็นบิดา
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา