เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นายวิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคม อบต.จังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงกรณีนายศักดิพงศ์ ธรรมอาชวกุล ประธานสมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทย ออกมาให้ความเห็นเรื่ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะหมดวาระทั่วประเทศในช่วงเดือน เม.ย.61 นี้ โดยเสนอแนะให้ผู้บริหารและสมาชิกท้องถิ่น ไม่มีความจำเป็นในการรักษาการต่อไปนั้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ให้เกียรติต่อผู้บริหารท้องถิ่น และไม่เคยมีผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอโละหัวหน้าของตัวเอง ยกตัวอย่างลองให้ปลัดกระทรวงเสนอโละนายกรัฐมนตรีดู ว่าจะมีใครกล้าไหม การออกมาให้ความเห็นในครั้งนี้ของประธานสมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทยนั้น คาดว่าน่าจะมีผลประโยชน์แอบแฝง เนื่องจากว่าการบริหารท้องถิ่นของนายกที่มาจากประชาชนเลือกเข้ามานั้น จะมีเวลาการทำงานเพียง 4 ปี จึงต้องทำงานให้ประชาชนไว้วางใจถึงจะได้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง ซึ่งต่างจากปลัดเทศบาลหรือปลัด อบต.ที่ทำงานจนครบอายุ 60 ปีถึงจะเกษียณ ที่ไม่ต้องสนใจว่าประชาชนจะเป็นอยู่อย่างไร ซึ่งเป็นเหตุให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ในองค์กรของตนเองเป็นจำนวนมากนั่นเอง
ทั้งนี้ ประธานสมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทยรายนี้ เคยถูกผู้บริหารท้องถิ่นรายหนึ่งชกหน้ามาแล้ว และยังชอบหาเรื่องโจมตีผู้บริหารท้องถิ่นที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเขามาโดยตลอด ดังนั้น ตนจึงอยากจะฝากไปถึงประธานสมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทยว่า ถ้าแน่จริงควรลาออกจากปลัดเทศบาล มาลงแข่งขันสมัครรับเลือกตั้งแข่งขันกัน อีกทั้งการออกมาพูดอย่างนี้ต้องมีการเมืองแอบแฝงแน่นอน โดยหลักการแล้วข้าราชการประจำไม่ควรมีความเห็นทางการเมืองซึ่งเป็นมารยาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายศักดิพงศ์ ธรรมอาชวกุล ประธานสมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ส่งสัญญาณเพื่อจัดให้การเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์กรปกครองท้องถิ่น ( อปท.) ทั่วประเทศ หลังผ่าน 2 งานพระราชพิธีสำคัญ โดยเสนอระบุว่า ในเดือนเมษายน 2561 อปท.จะหมดวาระพร้อมกันทั่วประเทศ เป็นช่วงที่เหมาะสมในการเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อสร้างรากฐานประชาธิปไตยในระดับรากหญ้า คสช.ควรให้โอกาสผู้ที่สมัครเป็นผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกท้องถิ่น ทั้งผู้ที่รักษาการและผู้สมัครรายใหม่อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม โดยไม่ควรให้ผู้บริหาร และสมาชิกท้องถิ่น ที่หมดวาระแล้วรักษาการตามปกติ เพื่อตัดสินใจใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นการเอาเปรียบคู่แข่ง และไม่เป็นธรรม
