เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เสด็จถึงนครย่างกุ้ง ประเทศพม่าแล้วในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีชาวพม่าจำนวนมากโบกธงชาติรอรับเสด็จที่สนามบินในนครย่างกุ้ง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย้างเข้มงวด ในภารกิจการเสด็จเยือนพม่าและบังกลาเทศเป็นเวลา 6 วันของโป๊ปฟรานซิส ที่การเสด็จเยือนของพระองค์ยังเป็นที่จับตาในท่าทีที่จะมีต่อปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจา ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวของรัฐบาลพม่าที่กำลังถูกนานาชาติกดดันอย่างหนักอยู่ในขณะนี้
ข่าวแจ้งว่า ในภารกิจการเยือนครั้งนี้นอกจากโป๊ปฟรานซิสทรงมีกำหนดจะร่วมประกอบพิธีมิสซากับชาวคริสต์พม่ากว่า 150,000 คน ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมในนครย่างกุ้งในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้แล้ว โป๊ปฟรานซิสยังทรงมีกำหนดจะพบปะกับพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า และนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของรัฐบาลพม่าด้วย
จากการเปิดเผยของที่ปรึกษาของโป๊ปฟรานซิสก่อนหน้านี้ระบุว่าพระองค์ทรงจะแสวงหาการสนับสนุนให้เกิดการปรองดอง การเจรจาและความพยายามต่างๆเพื่อบรรเทาวิกฤตปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพม่าและบังกลาเทศสามารถบรรลุความเห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกันในการนำผู้อพยพชาวโรฮีนจากลับสู่ถิ่นฐานในพม่า อย่างไรก็ตามมีเสียงเตือนจากผู้นำคริสตจักรในพม่าว่าพระองค์ทรงควรหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า โรฮีนจา ในการกล่าวถึงวิกฤตปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นคำที่อ่อนไหวยิ่งสำหรับชาวพม่า
ทั้งนี้ประเทศพม่าที่มีประชากรทั้งสิ้นราว 51 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวพม่าที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกราว 700,000 คน
วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ สื่อทางการพม่ารายงานว่า นางซูจีเตรียมที่จะเดินทางเยือนจีนในเร็วๆนี้เพื่อเข้าร่วมในเวทีการประชุมผู้นำทางการเมืองโลกจัดที่กรุงปักกิ่ง โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-4 ธันวาคมนี้ โดยแผนการเยือนจีนดังกล่าวของนางซูจีมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และกองทัพ เพิ่งต้อนรับการมาเยือนจีนของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่าไปเมือสัปดาห์ก่อนที่ยังได้ให้หลักประกันความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นจากจีน และยังเป็นสิ่งสะท้อนการดำเนินความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีนมากยิ่งขึ้นของพม่า หลังจากพม่าถูกโลกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีการปราบปรามผู้อพยพชาวโรฮีนจาของกองทัพพม่า ที่เป็นผลให้มีชาวโรฮีนจาต้องอพยพหนีภัยความรุนแรงไปยังบังกลาเทศแล้วกว่า 600,000 คน
