‘เมย์ จีระนันท์’ เรียกค่าเสียหาย 60 ล้าน หลังหวิดตายเพราะศัลยกรรมเกาหลี

หลังออกมาโพสต์คลิปและข้อความบอกเล่าเรื่องราวเขย่าวงการศัลยกรรม สำหรับ เมย์ จีระนันท์ กิจประสาน เจ้าของเพลงฮิต ‘คนเดียวไม่เหงาเท่า 3 คน’ ว่าตัวเองเกือบสิ้นชื่อจากการทำศัลยกรรมหน้าอกที่เกาหลีผ่านเอเจนท์ไทยคนหนึ่ง ต่อมาติดเชื้อในกระแสเลือด มีอาการปางตาย โอกาสรอดแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดวันนี้ (16 ก.ค.) เมย์ พร้อมคุณแม่ ได้มาร่วมรายการ โหนกระแส โดยเล่าว่าที่ตัดสินใจไปทำหน้าอกเพราะด้วยอายุ 34 ปีแล้ว แต่รูปร่างยังเหมือนเด็ก รวมถึงตนได้ขายเสื้อผ้าและเป็นนางแบบรีวิวด้วยตัวเอง ส่วนที่เลือกไปทำที่เกาหลีก็เพราะ

“เมย์อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เมย์อยากเลือกรพ.ที่ทำออกมาแล้วสวยที่สุด ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด เอเจนท์ที่ดูแลดีที่สุด ตอนนั้นที่รีวิวทุกคนบอกว่าต้องที่เกาหลีเท่านั้น”

“รู้จักจากเฟซบุ๊กเพจของเอเจนท์คนนี้ พอเข้าไปดูเราเห็นมีรีวิว ดารา เซเลป ไฮโซ เน็ตไอดอล คนธรรมดา ที่ทำแล้วเปลี่ยนไป ในยูทูปก็มีรีวิว ซึ่งค่าตั๋วเครื่องบินเมย์ออกเอง เขาให้จำนวนวันจำไม่ได้ แต่อยู่ก่อนเข้าผ่าตัด 2 วัน ซึ่งเมย์จ่ายเองไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน 8 แสนกว่าบาท แต่เมย์ไม่ได้ทำอย่างเดียว มีทำตา หน้าอก”

ส่วนคุณหมอชาวเกาหลีที่ทำให้นั้น ทางเอเจนท์ก็เป็นผู้เลือก โดนตนขอไปว่า ให้เป็นคุณหมอมือหนึ่งเท่านั้น

Advertisement

“ซึ่งจริงๆ อาจเป็นความเข้าใจผิด เพราะตอนที่เมย์ไปปรึกษาเขาครั้งแรก เป็นเอเจนท์เดียวที่เมย์ปรึกษา เป็นรพ.เดียวที่เมย์เข้าไปปรึกษากับคุณหมอและมีการวางเงินมัดจำทันทีในวันนั้นเลย เมย์กลับเมืองไทยมาก็มีกำหนดวันผ่าแล้ว”

ซึ่งตอนกลับมาเมืองไทยก็ได้คุยกับคุณหมอรักษาผิวคนนึง ที่เขาบอกว่าเคยไปทำศัลยกรรมเช่นกันแต่ผลออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ก่อนที่ตนจะไปสอบถามเน็ตไอดอลคนนึงที่เป็นเพื่อนกัน โดยรายนี้เป็นการไปแก้หน้าอก ซึ่งผลออกมาก็แฮปปี้ดี และก็เป็นคนคุณหมอเกาหลีคนเดียวกับที่จะทำให้ตน

เมื่อหลังจากผ่าตัดใส่ซิลิโคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องใส่สายระบายเลือดอยู่ 7 วัน แต่เมื่อครบกำหนดกลับไม่ได้เอาออกให้ พร้อมบอกให้หิ้วถุงเลือดกลับไทย แม้ว่าอาการจะแย่ขนาดที่ไม่สามารถเดินด้วยตัวเองได้

Advertisement

“เราก็ถามเพราะเลือดออกมากผิดปกติทุกวัน แต่คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไร เขาบอกว่าจะมาถอดสายระบายเลือดให้ด้วยตัวเองที่คลินิกซึ่งเป็นสาขารพ.เขาในเมืองไทย เมย์เลยเบาใจ ถ้านับจากเมย์ถือสายนี้ก็ 2 สัปดาห์ เราไม่เคยรู้เลยว่านี่คือสิ่งผิดปกติ”

แต่ที่รู้สึกว่าไม่ปกติก็คือ อาการเจ็บแสบในหน้าอก คล้ายมีน้ำกรดไหลไปทั่ว และเมื่อสอบถามไปก็ได้รับคำตอบว่าเป็นอาการปกติของคนทำศัลยกรรมหน้าอก พอกลับเมืองไทยถอดสายระบายเลือด ซึ่งคุณหมอเป็นคนถอดให้ด้วยตัวเองที่คลินิกที่เมืองไทยก็ทรุดเลยหลังจากนั้น

“อาการปวดแสบปวดร้อนใต้ราวนมหนักมาก เมย์ต้องนอนเป็นผักบนเตียงคุณแม่แตะแขนไม่ได้ เพราะเมย์สะดุ้ง มันไหลซ่านไปทั่ว จะลุกไปห้องน้ำก็ต้องอั้นจนกว่าจะไม่ไหวจริงๆ คุณแม่ต้องมาประคอง ค่อยๆ เดินไป เป็นช่วงเจ็บสาหัสมาก มันเหมือนเนื้อจะฉีกข้างใน”

“คุณแม่รายงานทุกวัน ส่งไปทางเอเจนท์ เขาให้มาฉีดยาที่คลินิกของเขาที่ย่านทองหล่อทุกวัน ประมาณ 4-18 เมย์เข้าๆ ออกๆ พอได้ยาก็ดีขึ้น แต่พอกลับบ้านตกดึกก็ปวด ไข้ขึ้นสูงอีก”

จนกระทั่งคุณหมอเกาหลีได้บอกให้ไปตรวจเลือดที่รพ.ใกล้บ้าน ให้ตรวจค่า CBC และค่าความสมบูรณ์ของตับ ซึ่งทางรพ.ก็เรียกเข้าพบ เพราะผลมันผิดปกติ ตับอักเสบ เม็ดเลือดขาวในเลือดสูงมาก น่าจะมีการติดเชื้อจากการทำศัลยกรรม แต่คุณหมอเกาหลีบอกว่าไม่ได้ติดเชื้อ ค่าเม็ดเลือดขาวที่สูงมากไม่ได้สูงเกินปกติ ของคนทำศัลยกรรม ต้องสูงประมาณนี้อยู่แล้ว

“เราก็เชื่อมั่นในตัวคุณหมอ เขาบอกว่าของเมย์ไม่ได้สูงมาก ไปฉีดยาอีกก็มีความหวังทุกวันว่าจะหายแต่อาการไม่ดีขึ้น จนวันที่ 17 อาการเมย์หนักมาก ไข้ขึ้นสูงถึง 40 กว่าเลย ตัวเมย์เปียกไปด้วยน้ำ เหมือนใครเอาน้ำมาราดทั้งตัวเลย นมเหมือนจะแตก ข้างในร้อนระอุมาก ก็รีบรายงานไปที่เอเจนท์ให้ไปรายงานคุณหมอ”

“ทีนี้รุ่งเช้าหนองทะลักออกมาทั้งสองข้างที่รักแร้ ออกมาเป็นน้ำพุเลย น้ำไหลเปียกเต็มหมอน เมย์สภาพคล้ายศพ ผอมดำ เป็นซี่โครง เขาก็ให้รีบกลับไปคลินิก คุณหมอที่คลินิกสาขาเขาก็บีบหนองออกให้ ระหว่างนั้นคุณแม่ก็ติดต่อเอเจนท์และคุณหมอท่านนี้ เขาก็ให้เมย์ไปที่เกาหลีคืนนั้น ให้กลับไปรักษา”

“จนคุณหมออีกท่านนึงซึ่งเป็นหมอศัลยกรรมคลินิกนั้นก็พรวดพราดเข้ามาจับชีพจรและบอกว่าเมย์คงไปไม่ได้ เพราะมีโอกาสช็อกเสียชีวิตบนเครื่อง และต้องเอาซิลิโคนออกทันที ผมไม่ให้คุณไป คุณต้องเอาซิลิโคนออกทันที แค่จากทองหล่อไปพระราม 2 ยังไกลกับคุณเลย ก็เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกความจริงกับเมย์”

“เขาก็ไปเช่าห้องผ่าตัดที่รพ.ย่านพระราม 2 เอาซิลิโคนออก เข้าไอซียู ผ่าตัดอีก 3 ครั้ง สองครั้งที่นั่นเอาหนองออก คือโคม่าอยู่ตลอด มีอาการแทรกซ้อน” เมย์ว่า

ทั้งนี้เธอยังบอกว่าถือเป็นการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตจริงๆ เพราะในการผ่าตัดทุกครั้งเจ็บทรมาน

“ถามว่าสู้มั้ย เมย์รู้สึกว่าเมย์ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว แต่เวลาเมย์เห็นหน้าแม่ที่มาส่งเมย์ที่หน้าห้องผ่าตัดทุกครั้ง (ร้องไห้) เมย์รู้เลยว่าเมย์ต้องสู้ เพราะเมย์มีแม่คนเดียวที่อยุ่กับเมย์ ถ้าเมย์เป็นอะไรไป ไม่รู้คุณแม่จะมีชีวิตอยู่ยังไง”

อย่างไรก็ตามคุณแม่ของเมย์ ก็ได้เผยว่ารู้สึกผิดที่เชื่อหมอและปล่อยให้ลูกอยู่ในสภาพแบบนั้นนานเกินไป

“แม่เห็นอาการเมย์ทุกวันที่มันผิดปกติ และเขาทุรุนทุราย แม่ไม่ควรปล่อยให้เขาอยู่ในสภาพนั้นมานาน แต่แม่ก็ไปเชื่อหมอ พาเขาไปฉีดยาทุกวันๆ ถ้าน้องเป็นอะไร แม่จะไม่ให้อภัยตัวเองเลย เพราะเราต้องตัดสินใจตอนนั้นแล้ว ไม่ควรจะเชื่อเขาแล้ว”

ส่วนที่ว่า เรียกเงินจากค่าเสียหายในครั้งนี้ 60 ล้าน คุณแม่ก็ยอมรับว่าเป็นความจริง “เพราะตอนนั้นสภาพเมย์เหมือนคนทุพลภาพ”

ซึ่งทางด้านของ ทนายวันชัย ก็ได้เปิดเผยว่า “ผมคิดว่าเรื่องเรียกร้องเป็นปกติเพราะได้รับผลกระทบ เวลาคนจะเป็นจะตาย สิ่งสำคัญที่สุดคือนม ผู้หญิงไม่มีนมคุณจะแต่งงานกับเขามั้ย เขาไม่สามารถให้นมลูกได้ นมเป็นอวัยวะสำคัญที่สุดกับผู้หญิงคนนึง”

“เท่าที่ดูเธอบอกว่าสภาพการรับรู้ด้านข้างของเธอเสียไปหมด”

โดยเมย์ยอมรับว่าอาการข้างเคียงตอนนี้ก็คือ “หน้าอกชา ไม่มีความรู้สึก”

“ผมมองว่าเรื่องเงินกี่ล้านกับความเป็นผู้หญิง ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ การเรียกร้องเป็นเรื่องปกติ การต่อรองเยียวยาต้องพึงกระทำ แต่ไม่ได้มากล่าวหาว่าเรียกร้องมากเกินไป ใครผิดใครถูกเป็นเรื่องกระบวนการ ซึ่งทางผมกำลังดำเนินการอยู่” ทนายวันชัยว่า

ส่วนจะให้ตามนี้หรือไม่ ทนายวันชัย ก็ว่า  “คนตัดสินคือศาล”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image