เมื่อวันที่ 18 เมษายน นพ.ชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่ามีสุนัขจรจัดในพื้นที่ต่างๆ กว่า 1 แสนตัว ส่วนสุนัขเลี้ยง 6 แสนตัว ในส่วนของการดูแลสุนัขจรจัดนั้น กทม.มีหน่วยสัตวแพทย์ลงพื้นที่ชุมชนหรือสถานที่ต่างๆ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและทำหมันให้เพื่อลดการขยายพันธุ์ อีกทั้งยังให้บริการแก่เจ้าของสุนัขนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค ทำหมันได้ที่คลินิกสัตวแพทย์ กทม.ทุกแห่ง และสำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข ซึ่งทั้งหมดนี้ กทม.ให้บริการฟรี
“แต่หากพื้นที่ใดมีสุนัขจรจัดที่สร้างเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือดุร้าย และมีประชาชนร้องเรียน ซึ่งมีเดือนละ 300-400 เรื่อง กทม.จะประสานกับผู้ร้องเรียนเข้าพื้นที่ตรวจสอบสุนัข หากพบว่าเป็นสุนัขไม่มีเจ้าของ กทม.จะจับไปบำบัดพักฟื้นที่ศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดประเวศ เพื่อคัดกรองโรคเบื้องต้น ฉีดวัคซีน และทำหมัน ซึ่งปัจจุบันมีสุนัขจรจัดและแมวจรจัดที่ถูกกักกันอยู่ที่ศูนย์ควบคุมสุนัข เขตประเวศ ประมาณ 800 ตัว ซึ่งหลังจากการเลี้ยงอนุบาลแล้วจะขนย้ายไปไว้ที่ศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด กทม.ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.อุทัยธานี สามารถรองรับสุนัขได้ประมาณ 7,000-8,000 ตัว แต่ปัจจุบันมีสุนัขที่ถูกกักกันอยู่ประมาณ 5,500 ตัว” นพ.ชวินทร์กล่าว และว่า ปัจจุบันมี พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ซึ่งคุ้มครองไม่ให้คนไปทำร้ายทารุณสัตว์ แต่หากเกิดปัญหาสุนัขกัดคน หรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่คน หากเป็นสุนัขมีเจ้าของ เจ้าของจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แต่หากเป็นสุนัขจรจัด กทม.จะแก้ไขปัญหาด้วยการนำมาฟื้นฟูและเลี้ยงไว้จนกว่าจะหมดอายุขัย
นพ.ชวินทร์กล่าวอีกว่า ปัญหาสุนัขจรจัดถือเป็นปัญหาใหญ่ของเมือง โดยพบว่าขณะนี้จำนวนสุนัขจรจัดที่อยู่ตามท้องถนนในพื้นที่กรุงเทพฯไม่ได้ลดน้อยลง เนื่องจากมีประชาชนนำไปปล่อยทิ้งไว้ อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดต้องการเลี้ยงดูสุนัข ควรมีความรู้ เลี้ยงดูอย่างเหมาะสม หากผู้ใดไม่สามารถเลี้ยงดูสุนัขได้ตลอดอายุขัยก็ไม่ควรนำมาเลี้ยงดูตั้งแต่ต้น และไม่ควรนำไปปล่อยในที่สาธารณะ
