ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ประชาธิปไตยปลอมปน ต้องยอมจำนนฝ่ายทหารรักษาอำนาจสำคัญไว้ เป็นงานบัญชาของเผด็จการไทยเลียนแบบเผด็จการพม่า พบคำอธิบายง่ายๆ สั้นๆ จากผู้รู้ ดังนี้
“ประชาธิปไตยไทยขณะนี้ใกล้เคียงพม่ามากที่สุด
พม่าปกครองแบบเผด็จการมากว่า 50 ปี แม้จะยอมปล่อยมือให้เป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง แต่ไม่เต็มใบ ฝ่ายทหารยังรักษาอำนาจไว้ส่วนหนึ่ง คือ การแต่งตั้งสมาชิก 2 สภา สภาละ 25% และสงวนเก้าอี้ 3 รัฐมนตรีสำคัญไว้ ได้แก่ รัฐมนตรีกลาโหม มหาดไทย และความมั่นคง
สมาชิก 25% ของสภาที่ทหารแต่งตั้ง นอกจากจะมีอำนาจตามปกติแล้ว ยังมีอำนาจพิเศษ คือยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมมูญ
เพราะฉะนั้นพรรคอองซาน ซูจี แม้จะชนะเลือกตั้งท่วมท้นทั้งสองสภา แต่แก้ไขรัญธรรมมูญไม่สำเร็จ ซูจีก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีไม่ได้
ประชาธิปไตยไทยจึงเหมือนกับพม่ามากกว่าประเทศใดในเอเชีย”
[บทนำ ไทยรัฐ ฉบับวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2562 หน้า 3]
เลียนแบบไม่รบกัน
ไทยรบพม่า เป็นข้อความครอบงำสังคมไทยให้มีอคติว่าพม่าเป็นศัตรูทางประวัติศาสตร์ จึงมีกิจกรรมปลุกใจให้ไทยเกลียดพม่าอย่างต่อเนื่องยาวนานจนทุกวันนี้
พม่าไม่ได้รบไทย ในประวัติศาสตร์ไทยรบพม่า เพราะพม่าไม่มีสำนึกว่าไทยเป็นศัตรูทางประวัติศาสตร์ จึงไม่มีกิจกรรมปลุกใจให้พม่าเกลียดไทย ส่วนที่มีสงครามต่อกัน นั่นเป็นเรื่องของพระเจ้าแผ่นดินอังวะหรือหงสาวดี รบกับพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา (ไม่ใช่ประชาชนพม่ายาตราทัพรบประชาชนไทย)
เมื่อไทยเลียนแบบพม่าเรื่องประชาธิปไตยปลอมปน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วควรเลียนแบบพม่าไม่ได้รบไทย ว่าไทยไม่รบพม่า แล้วเลิกกิจกรรมปลุกใจไทยเกลียดพม่า
ความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ-สังคม จนเกิดสงครามเป็นเรื่องปกติในรัฐจารีตทั่วโลก แต่ไม่ฉวยยกแสดงยั่วยุปลุกปั่นคนชังกันอย่างที่ชอบประพฤติทุกวันนี้