ที่จังหวัดตรัง วันที่ 6 ตุลาคม นายอุทัย ศรีเทพ ประธานสันนิบาตสหกรณ์จังหวัดตรัง และนางโสรนาท อยู่อำไพ กรรมการสันนิบาตฯได้ร่วมประชุมกับสถาบันเกษตรกร หรือสหกรณ์แปรรูปยาง สังกัดการยางแห่งประเทศไทย และดำเนินธุรกิจรับซื้อน้ำยางสดจากสมาชิกมาแปรรูปทำเป็นยางแผ่นรมควัน รวมกว่า 40 สหกรณ์ เพื่อหาทางออกหลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ขาดเงินทุนหมุนเวียนภายในสหกรณ์ มีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทำให้ทุกสหกรณ์บริหารส่อเค้าล้มกันทั้งหมด โดยราคาน้ำยางสดกับยางแผ่นรมควันห่างกันเพียงแค่ประมาณกิโลกรัม (กก.) ละ 1-3 บาทเท่านั้น จนล่าสุดสหกรณ์หลายแห่งไม่มีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับบริหารธุรกิจ แม้ว่ารัฐบาลมีนโยบายประกันรายได้ แต่ในส่วนของสถาบันหรือสหกรณ์แปรรูปยาง ซึ่งเกิดจากนโยบายรัฐบาล รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการช่วยเหลือ
นายอุทัยกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่าสถาบันเกษตรกรหรือสหกรณ์จะมอบหมายให้สันนิบาตสหกรณ์จังหวัดตรัง และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่ออธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน) ภายในสัปดาห์หน้านี้ โดยจะยื่นข้อเรียกร้องรวม 4 ข้อ เพื่อให้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือสถาบันเกษตรกร หรือสหกรณ์แปรรูปยาง
“ประกอบด้วย 1.มาตรการชดเชยราคายางแผ่นรมควัน กก.ละ 3 บาท 2.ชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 3 ต่อปี 3.ขยายเวลาชำระเงินกู้จากโครงการของรัฐ โครงการ 15,000 ล้านบาท ออกไปถึงปี 2567 และ 4.เรียกร้องให้หน่วยธุรกิจของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หรือหน่วย BU เข้าประมูลยางในตลาดกลางแข่งกับบริษัทเอกชน เพราะราคาตกต่ำขณะนี้เกิดจากบริษัทใหญ่จับมือกันฮั้วราคาประมูลยางในตลาดกลางตามอำเภอใจ เนื่องจากหน่วย BU ทิ้งตลาดกลางไม่เข้าประมูล” นายอุทัยกล่าว
นายอุทัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทุกสหกรณ์มีปัญหาทั้งสิ้น เพราะราคายางตกต่ำลงเรื่อยๆ สำหรับสหกรณ์ที่ทำยางแผ่นรมควันมีความต่างกันระหว่างราคาน้ำยางสดกับยางแผ่นรมควันเพียงแค่ กก.ละ 1 บาทกว่า ซึ่งต้นทุนที่แท้จริงอยู่ประมาณ กก.ละ 4-5 บาทเศษ ขึ้นอยู่กับว่ายางที่แปรรูปออกมาเป็นคุณภาพแบบไหน สรุปว่าผ่านมา 6 เดือนของปีบัญชีนี้ ทุกสหกรณ์ขาดทุน จึงต้องปรับตัวและร่วมกันคิดหาทางออกแก้ไขปัญหา เพื่อรักษาให้สถาบันเกษตรกรอยู่ต่อไปให้ได้
นางโสรนาท อยู่อำไพ กรรมการสันนิบาตสหกรณ์จังหวัดตรัง ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรย่านตาขาว จำกัด กล่าวว่า ขอขยายรายละเอียดเพิ่มเติมในข้อเรียกร้องดังกล่าว ในส่วนข้อ 3. ขอขยายเวลาชำระเงินกู้จากโครงการของรัฐ 15,000 ล้านบาท ออกไปถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567
