บทความ : เยาวชนชายแดนใต้รู้จัก‘พล.อ.เปรม’ ผ่าน ‘สานใจไทย สู่ใจใต้’ : โดย อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

โพสต์โดย Robeeah Sakom เมื่อ วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2019

โพสต์โดย Robeeah Sakom เมื่อ วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2019

Advertisement

โพสต์โดย Robeeah Sakom เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2019

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ [email protected]

Advertisement

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

26 พ.ค.2562 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธาน องคมนตรี และรัฐบุรุษในวัยย่าง 99 ปีได้ถึงแก่อสัญกรรมนั้น ในโลกโซเชียลส่วนใหญ่มีการแสดงความเสียใจ

สำหรับคนวัยกลางคน วัยผู้ใหญ่จะรู้จักท่านผ่านนโยบาย 66/2523 ของท่านซึ่งเป็นที่มาของ “การเมืองนำการทหารเพื่อดับไฟใต้” แต่สำหรับนักเรียนและเยาวชนชายแดนใต้จะรู้จักท่านผ่านโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้”

โพสต์โดย Robeeah Sakom เมื่อ วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2018

นางสาวรอบีอะห์ นุ้ยประสิทธิ

นางสาวรอบีอะห์ นุ้ยประสิทธิ ในฐานะครูผู้ดูแลนักเรียนโครงการรุ่นที่ 22 กล่าวว่า ท่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เคยให้ข้อคิดต่อเยาวชนที่ร่วมโครงการว่า (ยังจำติดตาติดใจ)

“หลานรักทุกคน… เสียดาย และ เสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้พบกัน เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น เราจะได้พบกันอีก หลานรักทุกคน ต้อง ไม่ลืม ‘ความเป็นไทย’ และ ‘ความเป็นธรรม’ สองวลีนี้ก่อให้เกิดความรัก ในประเทศของเรา
ที่ทุกคนเป็นเจ้าของ”

“เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=478630885976931&set=t.100018533740808&type=3&theater
นายอติรุต ดือเระ

นายอติรุต ดือเระ เล่าให้ฟังว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เคยให้ข้อคิดต่อพวกเราเยาวชนที่ร่วมโครงการว่า

“ตั้งใจเรียนเเละเป็นคนดีนะ”

บทสนทนาวันนั้นยังย้ำเตือนในทุกวันของการใช้ชีวิต

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวเองเท่านั้น

เรายังเกิดมาเพื่อคนรอบข้าง เพื่อสิ่งมีชีวิตอื่น

โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้”

โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากดำริของ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมการของมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทัพทุกเหล่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน นำเยาวชนมุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ที่นับถือศาสนาอิสลามในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวอุปถัมภ์และชุมชนสังคมพหุวัฒนธรรม ทำให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ตรง และมีความเข้าใจบริบทของสังคมประเทศไทยมากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัวอุปถัมภ์กับครอบครัวเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ได้ดำเนินการรุ่นที่ 1 ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้ว 35 รุ่น มีเยาวชนเข้าร่วมจำนวนเกือบ หนึ่งหมื่นคน ครอบครัวอุปถัมภ์จำนวนเกือบ สี่พันครอบครัว โดยดำเนินการนำเยาวชนแต่ละรุ่นเข้าร่วมกิจกรรมในระหว่างปิดภาคเรียนปีละ 2 รุ่น คือ ช่วงเดือนเมษายน และเดือนตุลาคม โดยมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นละ 240 คน ครูพี่เลี้ยง 12 คน และครอบครัวอุปถัมภ์ 120 ครอบครัว

วัตถุประสงค์ของโครงการ

1) เพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตของครอบครัวมุสลิมในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง

2) เพื่อเพิ่มทักษะประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรม ความเป็นผู้นำ ผู้ตาม ในการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

3) เพื่อสร้างความสัมพันธ์และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันของครอบครัวอุปถัมภ์กับครอบครัวของเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

กระบวนการคัดเลือกเยาวชนจะเลือกจากคุณสมบัติดังนี้

1) เป็นเยาวชนที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน หรือกำลังศึกษาอยู่ในสถาบันศึกษาปอเนาะ

2) นับถือศาสนาอิสลาม

3) อายุระหว่าง 15-18 ปี

4) มีฐานะยากจน กำพร้า หรือขาดโอกาสทางสังคม

5) มีความประพฤติเรียบร้อย

6) มีภาวะความเป็นผู้นำ

7) มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง

8) ไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ในขณะการคัดเลือกคุณสมบัติของครอบครัวอุปถัมภ์ที่รับเยาวชน

1) เป็นครอบครัวที่ศรัทธาเลื่อมใสในบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ประพฤติตนเหมาะสมและเคร่งครัดเป็นแบบอย่างแก่ครอบครัวอื่นๆ ได้

2) มีความสมัครใจ มีฐานะปานกลาง พัฒนาครอบครัว ประกอบอาชีพที่สุจริต สังคมยอมรับ สามารถเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนได้เป็นอย่างดี

3) มีบุตรธิดา หรือเยาวชนที่อุปการะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนได้ โดยเป็นเพศเดียวกันกับเยาวชนที่รับอุปถัมภ์จากจังหวัดชายแดนภาคใต้

4) มีความสามารถ และมีเวลา ในการอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนในขณะที่พำนักอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

5) มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ไม่อยู่ในชุมชนแออัด เสี่ยงกับสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม และเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด

6) ไม่มีประวัติที่เคยเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น ค้าของเถื่อน เป็นผู้มีอิทธิพลผิดกฎหมาย ค้ายาเสพติด ฯลฯ

สำหรับการดำเนินการคัดเลือกเยาวชนและครอบครัวอุปถัมภ์

1) มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดเพื่อพิจารณาคัดเลือกเยาวชนและครอบครัวอุปถัมภ์ตามคุณสมบัติที่กำหนดโดยมีคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนที่

มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ผู้แทนของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนของประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานทางการศึกษาเป็นเลขานุการ

2) มีผู้แทนของคณะกรรมการดำเนินการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ร่วมสัมภาษณ์และสังเกตการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกครั้งที่ดำเนินการ

3) การพิจารณาเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเป็นเยาวชนในสถาบันศึกษาปอเนาะเป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ขาดโอกาสทางสังคมเป็นจำนวนมาก

กิจกรรมที่ดำเนินการในโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้”

1) กิจกรรมคัดเลือกเยาวชน ครอบครัวอุปถัมภ์ ครูพี่เลี้ยง

2) กิจกรรมปฐมนิเทศครอบครัวอุปถัมภ์ เยาวชน ครูพี่เลี้ยง

3) กิจกรรมพิธีเปิดและส่งมอบเยาวชนให้แก่ครอบครัวอุปถัมภ์ พิธีปิด อำลา คณะกรรมการ วิทยากรและครอบครัวอุปถัมภ์

4) กิจกรรมพำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ 15 วัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิต เช่น การศึกษา การประกอบอาชีพ ตลอดจนการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมอย่างสงบและสันติ

5) กิจกรรมเรียนรู้ และทัศนศึกษาสถานที่สำคัญๆ และประวัติบุคคลสำคัญที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศไทย

6) กิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

7) กิจกรรมเรียนรู้ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์กับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในโลกปัจจุบัน

จากการได้สัมภาษณ์ พูดคุยกับนักเรียนซึ่งผู้เขียนสอนอยู่ที่โรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ ตัวแทนนักเรียนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้และท่านอารี ดิเรกกิจ ผู้รับผิดชอบโครงการนี้จาก ศอ.บต.มีผลดังนี้

1) เยาวชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นมุสลิมที่แตกต่างจากบริบทของสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้กับบริบทของสังคมในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง

2) เยาวชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ที่อยู่สังคมพหุวัฒนธรรมที่แท้จริง มีความเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมที่ต่างกันมากยิ่งขึ้น จนสามารถนำไปพัฒนาตนเอง และเป็นผู้นำที่ดีในการพัฒนาชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้

3) เยาวชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เห็นช่องทางในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษามากยิ่งขึ้น จากการแนะนำของครอบครัวอุปถัมภ์และแบบอย่างของบุตรธิดาของครอบครัวอุปถัมภ์ เยาวชนหลายรุ่นได้รับการอุปการะจากครอบครัวอุปถัมภ์ในการศึกษาต่อ และได้รับทุนการศึกษารายปีจากโครงการ

4) เยาวชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความภาคภูมิใจและยึดมั่นในอุดมการณ์ความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น สามารถเป็นแกนนำเยาวชนในการพัฒนาชุมชนร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเสริมสร้างสันติสุขอย่างถาวรต่อไปได้

5) ครอบครัวอุปถัมภ์มีความภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสร่วมแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และพัฒนาความสัมพันธ์เป็นเครือข่ายครอบครัวสันติสุขต่อไป

6) สถานศึกษาและครอบครัวของเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภาคภูมิใจ และมีทัศนคติที่ดีต่อเจ้าหน้าที่และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุน

7) หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถนำเยาวชนที่ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมนำไปเป็นเครือข่ายในการแก้ปัญหาพัฒนาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

8) เยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ทางธรรมชาติ เช่น เขาใหญ่ เป็นต้นรวมทั้งเยาวชนเกิดทักษะการเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับเพื่อนต่างศาสนิก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image