เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เรียกร้องให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส.และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เลิกหากินกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า
“เลิกหากินกับทักษิณได้แล้ว”
ผมไม่ได้รู้สึกเกินความคาดหมายที่นายสุเทพออกมาใส่ร้ายนายกทักษิณ เพราะมันคือไพ่สุดท้ายของนายสุเทพคือเอานายกทักษิณออกมาหากิน ที่ผ่านมาผมไม่เคยเอ่ยถึงนายสุเทพเนื่องจากจุดยืนทางการเมืองต่างกัน ผมอยู่ข้างประชาชนแต่นายสุเทพเลือกข้างเผด็จการ แต่ครั้งนี้ที่ผมต้องออกมาชี้แจงเพราะการปั้นน้ำเป็นตัวของนายสุเทพไปกระทบถึงการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน
คุณพานทองแท้ได้ถ่ายทอดมุมมองของท่านนายกทักษิณ กล่าวถึงหลักการที่ดีของรัฐธรรมนูญรวม 6 ข้อ เพื่อเปรียบเทียบกับหลักการในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย แต่ไม่มีความตอนใดเลยที่ท่านนายกทักษิณแสดงความเห็นว่าควรรับหรือไม่อย่างไร เพราะท่านเชื่อว่าประชาชนมีดุลพินิจที่จะพิจารณาได้เอง นายสุเทพยังมุสาต่อไปอีกว่านายกทักษิณส่งสัญญาณให้พวกผมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ความจริงผมออกมาค้านตั้งแต่ร่างของนายบวรศักดิ์แล้ว ส่วนร่างของนายมีชัยผมค้านมาตั้งแต่เปิดเผยร่างแรกเมื่อเดือนมกราคมจนถูกทหารอุ้มเอาตัวไปปรับทัศนคติหลายครั้ง ในขณะที่ความเห็นท่านนายกทักษิณเพิ่งถูกเผยแพร่เมื่อ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ท่านจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการที่พวกผมออกมาต่อสู้คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนคนที่ออกมาพูดว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ จะมีคนออกมาไล่พลเอกประยุทธ์ทำให้ไม่มีความชอบธรรมที่จะอยู่ต่อไปคือนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ไปบรรยายให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันที่โรงแรมดุสิตธานีเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม
เหตุที่นายกทักษิณออกมาแสดงความเห็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการเห็นประเทศชาติเป็นประชาธิปไตย อันจะนำมาซึ่งความผาสุกของประชาชนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ท่านไม่ได้พูดเพราะอยากจะกลับมาเป็น ส.ส. หรือรอราชรถมาเกยแบบคนที่นายสุเทพกำลังสนับสนุนดิ้นรนอยากเป็น สิ่งที่ท่านต้องการเห็นจึงไม่ต่างจากประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย ออกมาต่อสู้กับอำนาจเผด็จการคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญเพราะเห็นว่าจะนำมาซึ่งความขัดแย้งและทำให้ประเทศเสียหาย หลายท่านต้องสูญเสียอิสรภาพ นิสิตหญิงถูกเผด็จการอุ้มใส่รถเอาไปขึ้นศาลทหาร ส่วนอดีต ส.ส. หญิงและน้องสาวถูกเผด็จการจับกุมและยังไม่ได้รับการประกันตัว ในขณะที่นายสุเทพใช้วิธีสกปรกออกมาบิดเบือนใส่ร้ายนายกทักษิณ ส่วนนายมีชัยใช้วิธีสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเพื่อต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ทั้งสองคนให้การสนับสนุนพลเอกประยุทธ์หัวหน้าเผด็จการที่ชอบอ้างตัวเป็นคนดีแต่หนีการตรวจสอบใช้มาตรา 279 ล้างผิดให้ตัวเองและพรรคพวก พฤติกรรมของทั้งสามคนจึงไร้คุณค่าทางการเมืองหรือที่บาลีเรียกว่า “โมฆบุรุษทางการเมือง” เทียบไม่ได้กับนิสิตหญิงที่กล้าหาญต่อสู้กับเผด็จการโดยไม่ต้องมีเนติบริกรมาล้างผิดให้
