‘เศรษฐา’ เปิดใจ อยากเห็นเปลี่ยนแปลง เสียง ปชช.ภูมิคุ้มกัน
หมายเหตุ – นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์มติชน ถึงความพร้อมในการทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งการทำหน้าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหากได้รับการคัดเลือกจากพรรคเพื่อไทย
⦁นโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วนที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องเร่งดำเนินการ หากเข้ามาเป็นรัฐบาล
ในอดีตตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรค พท. ยึดนโยบายเป็นหลัก นโยบายสามารถปฏิบัติได้จริง และมีบทพิสูจน์มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค จึงเป็นที่มาของสโลแกน คิดใหญ่ ทำเป็นเราทำได้และหวังว่าจะได้ทำ อย่างไรก็ตาม หลายนโยบายจะประกาศออกมาหลังมีการประกาศยุบสภาและกำหนดให้มีการมีการเลือกตั้ง แต่นโยบายที่ปล่อยไปแล้วเชื่อว่าเป็นนโยบายที่สามารถทำได้จริง เป็นที่ต้องการของประชาชน ทั้งเรื่องของรายได้เกษตรกรที่จะเพิ่มขึ้น 3 เท่าในภายในปี 2570 รวมทั้งจะทำอย่างไรให้จีดีพีเติบโตในอัตราเฉลี่ย 5% ต่อปี
ทั้งนี้ในระยะเวลา 6-8 ปีที่ผ่านมา เรื่องจีโอ โพลิติกส์ (Geo politics) หรือภูมิรัฐศาสตร์ เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าทำให้ประชาชนและภาคเศรษฐกิจผิดหวังจากรัฐบาลปัจจุบัน เหตุผลง่ายๆ คือ การประชุมต่างๆ ที่หลายภูมิภาคจัดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเอเปคหรืออาเซียนก็ตาม ผู้นำสูงสุดของประเทศต้องออกไปเจรจาค้าขายเอง พร้อมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจ ไทยเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ เคยเป็นและควรต้องเป็นมหาอำนาจด้านการเกษตร
นอกจากนี้ยังต้องมีเรื่องของการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาลงทุนในประเทศ และยังมีเรื่องของสาธารณสุข ยอมรับว่าเราเป็นประเทศที่เล็ก ต้องถ่อมตัว แต่ก็ต้องคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรี หากไม่มีคนมาลงทุน เศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างไร ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ในการนำไปสู่ต่างประเทศให้ได้ และต้องนำทัพว่าประเทศไทยมีดีอะไรบ้าง
ทั้งนี้ตั้งแต่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคมีการพูดคุยเรื่องนโยบายกันมาโดยตลอด ที่เข้ามาทำงานร่วมกับพรรค พท. เพราะมีจิตวิญญาณเหมือนกัน คือ เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องความเสมอภาค ความเท่าเทียม การดูแลภาคส่วนที่อ่อนแอก็สำคัญ เห็นพ้องตรงกัน และผมแค่เข้ามาเสริมเล็กๆ น้อยๆ ผมเป็นหนึ่งในหลายคนที่อยากช่วยเหลือบ้านเมือง ไม่ได้คิดว่าตัวเองคนเดียวเข้ามาแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะพรรค พท.มีบุคลากรที่อยู่มานาน
หลายคนประสบความสำเร็จและเข้าใจบริบทการเมืองดีกว่า เพียงแค่ผมเอาความคิดใหม่ๆ และวิธีการทำงานมาเสริมบ้างเพื่อให้ไปสู่เป้าหมาย ส่วนจะมีการนำจุดแข็งในด้านเศรษฐกิจเข้ามาเติมเต็มให้พรรค พท. เพื่อสร้างคะแนนนิยม นำไปสู่เป้าหมายชนะการเลือกตั้งได้อย่างไรนั้น ในส่วนนี้คะแนนนิยมต้องมาจากสิ่งที่ประชาชนยอมรับ ถ้าเอาประชาชนเป็นที่ตั้งแล้วผลักดัน ช่วยเหลือในสิ่งที่ถูกต้องและโดนใจก็น่าจะได้รับการยอมรับจากประชาชน
⦁พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส 1,000 บาท พรรค พท.จะมีนโยบายใดมาสู้ตรงนี้
การเพิ่มรายได้เป็นเรื่องสำคัญ แต่เรื่องที่จะเพิ่มเป็นเดือนละ 700 บาท เป็น 1,000 บาท หรือ 1,200 บาท ถือว่าเป็นข้อควรระวัง ต้องรักษาสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายของรัฐ ไม่ใช่พอถึงฤดูการหาเสียงก็เอาเงินมาแจก แม้จะเป็นมุมที่แตกต่างบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลยคนที่ต้องการความช่วยเหลือ หากพรรค พท.ได้รับฉันทามติให้เข้ามาบริหาร ทุกคนเท่ากันหมด ไม่ใช่จะต้องดูแลคนที่เสียภาษีเยอะหรือคนที่ยากไร้เท่านั้น ต้องบาลานซ์จุดนี้ให้ได้ เหมือนกับที่ต้องหล่อหลอมให้คนหลากหลายช่วงวัย หลายความต้องการให้อยู่ร่วมกันให้ได้
ที่บอกว่าผู้นำคนต่อไปจะต้องออกไปเจรจากับต่างประเทศ นี่ถือเป็นแค่ทักษะสำคัญหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้นำต้องดูในหลายเรื่องด้วย แต่หากถามว่าผมมีคุณสมบัติเหล่านั้นหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดลำบาก เพราะส่วนตัวไม่อยากพูดว่าทำอะไรได้ ไม่ได้ แต่คิดว่ามีความตั้งใจ เรื่องที่ทำอยู่ในหลายเรื่องก็ทำในบริบทที่สามารถทำได้ เข้าใจและตระหนักดีว่าประเทศไม่ใช่บริษัท ก็มีความยากต่างกันไป ฉะนั้นเห็นใจคนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมา เข้าใจว่าเป็นความยาก แม้มีความตั้งใจเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มีปัญหาก็ต้องแก้กันไป แต่หากมีความมุ่งมั่นจริง มีวินัย ความประสงค์ที่จะทำงานหนักจริง และเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่าพูดเฉยๆ ต้องทำให้เห็น ตรงนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันให้เรา เป็นแรงบันดาลใจให้ทำงานต่อไป
ส่วนจะมีหลักใดจากการบริหารธุรกิจที่จะมาต่อยอดการบริหารประเทศ มองว่าไม่ได้มีแค่หลักเดียว แต่เรื่องของการประนีประนอมเป็นเรื่องสำคัญ ถึงเวลาตัดสินใจต้องตัดสินใจ อย่าให้มันไปเรื่อยๆ ควรมองไปข้างหน้า ไม่ใช่รอให้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วค่อยไปแก้ไข การเป็นผู้นำควรที่จะมองเห็นว่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ต้องบอกว่าผู้นำคนต่อไปจะเจอปัญหาหนักแน่นอน แต่คุณอาสาเข้ามาแล้ว อย่ามาอธิบายว่าทำไมทำไม่ได้ คุณเข้ามาเพื่อที่จะทำให้ได้ หากจะเข้ามาแล้วบอกทำไม่ได้ก็อย่าเข้ามาแต่แรก หรือหากเข้ามาแล้วแก้ปัญหาไม่ได้ก็ลาออกไป
⦁ทีมเศรษฐกิจในฝันนั้น ต้องมีรูปแบบอย่างไร
ต้องมีผู้ชำนาญการจากทุกภาคส่วนเข้ามา เช่น เรื่องพลังงาน การเกษตร การประมง ต้องมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามา สำคัญสุด คือ ต้องเอาปากท้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่รังแกคนที่มีเยอะ หรือไม่ดูแลคนที่มีน้อย เชื่อว่าเมื่อพรรค พท.ประกาศคณะทำงานด้านเศรษฐกิจขึ้นมาก็จะชัดเจน พูดได้ ตอบได้ เมื่อเสนอตัวมารับใช้ประชาชน คณะทำงานเศรษฐกิจก็ต้องพร้อม อยู่ดีๆ คนที่อยู่ข้างหลังบอกว่าไม่อยากให้เปิดชื่อก็จะมีคำถามตามมาว่าถ้าจะมาทำงานก็ต้องกล้าเสนอตัวต่อพี่น้องประชาชน ที่บอกว่าเขาไม่อยากให้บอกชื่อนั้น เขาละอายใจที่มาอยู่กับคุณหรือไม่
ทั้งนี้จากนักธุรกิจเข้ามาเป็นนักการเมืองมีความกลัวหรือไม่ ก็กลัวทุกอย่าง ก้าวที่เดินไปข้างหน้าเป็นก้าวใหม่ต้องเตรียมตัว เตรียมพร้อม ต้องระมัดระวังตัวพอสมควร กลัวที่สุดคือเรื่องที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างที่เขาบอกว่าประเทศไม่ใช่บริษัท ผมก็รับฟังจริงๆ ว่าประเทศเป็นสภาพแวดล้อมที่ใหญ่กว่า แต่ทักษะที่ผมมีเชื่อว่าจะบริหารจัดการได้ จะพยายามทำในสิ่งที่ควบคุมได้ดีกว่า หลักการปฏิบัติที่ทำได้เอง ก็ทำไป ที่สำคัญ คือ ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ต้องเคารพกฎหมาย เชื่อว่าเราจะเดินไปข้างหน้าได้
หลายท่านเตือนมาก็ต้องฟัง ผมถือว่าผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ผมไม่ได้อยากมีเรื่องกับใคร ผมขอทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน
⦁ที่ผ่านมาสื่อสารกับชนชั้นกลางกับนักธุรกิจเป็นหลักเมื่อถึงเวลาที่ต้องสื่อสารกับชาวบ้าน จะต้องปรับตัวอย่างไร
เรื่องนี้ต้องพยายามลองดู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษาที่ใช้ บางทีก็ต้องตำหนิตัวเองเพราะคิดคำไม่ออกจริงๆ ใช้คำทับศัพท์ ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แต่พร้อมรับฟังคำแนะนำทั้งคนในพรรค นอกพรรค หรือผู้มีอำนาจ พร้อมเปิดใจจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดเฉยๆ นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้น และถ้าต้องพูดกับชาวบ้านว่าผมเป็นใคร ทำอะไรมาก่อน ผมอยากให้ประชาชนบอกผมมากกว่าว่าผมเป็นคนอย่างไร ตัวตนจะเป็นอย่างไรต้องให้การกระทำเป็นตัวพิสูจน์ หากชนะการเลือกตั้ง ได้บริหารจัดการแล้วผมจะมีหน้าที่อย่างไรก็แล้วแต่พรรคจะกรุณา ถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากันว่าเป็นอย่างไร จะว่าขี้โม้ก็ได้ แต่วันนี้ผมมีความตั้งใจช่วยเหลือประชาชน นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง หล่อหลอมให้คนหลายเจเนอเรชั่นอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ลดความแตกแยก
ผมมีไอเดีย พรรคก็มีนโยบายดีๆ ที่อยากสื่อสาร แต่ถ้าสื่อสารไม่ถึง ความผิดจะอยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมือง ผมต้องมีความพยายามตรงนี้ให้มาก แม้จะมีขีดจำกัด อาจจะต้องมีตัวช่วยบ้าง อาจมีข้อผิดพลาดบ้าง ก็ต้องเตรียมใจ มีคนว่าบ้างก็ต้องทน อะไรที่เป็นประโยชน์ต้องฟังแล้วนำไปปฏิบัติด้วย ฟังแล้วต้องแก้ไขด้วยถึงจะมีประโยชน์
⦁นิยามของนักการเมืองที่ชื่อว่า เศรษฐา ทวีสิน ต้องเป็นอย่างไร
ผมมีความพยายาม มีความตั้งใจจริง ผมเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจริง ผมอยากให้คนไทยอยู่ด้วยความมีสุข ไม่ใช่เรื่องทางด้านเศรษฐกิจหรือกระเป๋าตังค์เพียงอย่างเดียว ทางด้านความเหลื่อมล้ำทางจิตใจ ด้านความเสมอภาคเท่าเทียมต้องไปพร้อมๆ กันด้วย
ส่วนความพร้อมขึ้นเวทีดีเบตนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางพรรค พท.ต้องไปคุยกัน ส่วนตัวไม่เคยนั่งถกเถียงอะไรกับใคร ก็ทำงานของเราไปตามที่ถนัด เป็นตัวตนของเราเอง ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว ที่หลายฝ่ายมองว่ามีความเป็นตัวของตัวเองสูง อนาคตอาจมีความเห็นต่างกับพรรค พท.นั้น ระยะยาวจะไปด้วยกันได้หรือไม่ คงไม่ปฏิเสธว่าอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่เชื่อว่าด้วยประสบการณ์และอายุ ดูอะไรมาเยอะ เมื่อดูให้ครบทุกมิติแล้ว เชื่อว่าสถาบันการเมืองนี้ ผมอยู่ด้วยกันได้
⦁มีการถอดบทเรียนหรือไม่ หากพรรค พท.ชนะการเลือกตั้ง แล้วจะซ้ำรอยเดิมกับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ที่ชนะเลือกตั้งแล้วเป็นรัฐบาลไม่ยั่งยืน
ผมทำงานเป็นขั้นเป็นตอน เอาประชาชน เอากฎหมายเป็นที่ตั้ง ประชาชนอยากให้ทำอะไร ทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความเสมอภาค ความเท่าเทียม เรื่องเศรษฐกิจที่ดี ผมมีหลักบริหารจัดการแบบนี้ เรื่องอื่นผมไม่ยุ่ง ส่วนปัจจัยแทรกซ้อนที่เหนือการควบคุมนั้น อะไรที่นอกเหนือไปจากที่ผมควบคุมไม่ได้ ผมไม่อยากกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กลัวไปก็บั่นทอน ก็เหมือนกลัวผี ตอนนี้สว่างๆ อยู่ก็ไม่กลัว แต่ถ้าออกต่างจังหวัดก็บอกทีมงานว่าอย่าให้เจอโรงแรมผีดุก็แล้วกัน
⦁พรรค พท.ถูกครหาว่าเป็นพรรคครอบครัว มองอย่างไร
ผมเป็นแค่คนคนหนึ่งในพรรค อาจจะเป็นคนที่กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคให้เกียรติ ให้ตำแหน่งค่อนข้างใหญ่และมีเกียรติ ผมเป็นประชาธิปไตยในหัวใจอยู่แล้ว ยึดเสียงส่วนมาก เรื่องครอบครัวหรือไม่ครอบครัวนั้น คนคุณภาพที่ประกาศชื่อกันออกมา จะยอมให้ชี้นำอย่างเดียวหรือ ปรัชญาของพรรคหรือสถาบันเพื่อไทย เชื่อว่าหลายคนมีความเชื่อ มีความเป็นตัวตนอยู่มากพอสมควร บริษัทที่ผมบริหารอยู่ก็ไม่ใช่บริษัทในครอบครัว เป็นบริษัทมหาชนมีผู้ถือหุ้นหลายหมื่นคน ผมต้องให้เกียรติทั้งผู้ถือหุ้นและลูกค้า ทั้งพนักงานและสังคมที่ผมค้าขาย ถือเป็นโรงเรียนฝึกวิทยายุทธ์ ผมมั่นใจว่าพร้อมที่เดินเข้ามา จะได้พร้อมเจอกับสิ่งใหม่ๆ ไม่ได้มีความพองตัวหรือคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น
⦁หากพรรค พท.ชนะการเลือกตั้ง แต่โหวตให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ จะยอมรับได้หรือไม่
ตอนนี้ยังเป็นแค่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ถ้าเกิดกรรมการบริหารพรรคเลือกเราก็เป็นแคนดิเดตเมื่อยอมเป็นตรงนั้น หากพรรค พท.ชนะการเลือกตั้ง แล้วพรรคไปเลือกคนอื่นเข้ามา ก็ต้องยอมรับอยู่ดี ไม่ตีอกชกตัว ไม่เป็นอะไร ผมมีหัวใจประชาธิปไตยอยู่แล้ว ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น
มาตรงนี้ต้องเตรียมพร้อมในทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นได้ ส่วนเรื่องความคาดหวังอะไร ในส่วนนี้เมื่อไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวัง ความคาดหวังของผมคือได้เข้ามาทำงานกับพรรคการเมือง ที่นโยบายในอดีตและนโยบายในอนาคต เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตที่ดีกว่ากับประชาชน แค่นี้เอง ยืนยันว่ามติออกมาอย่างไร เสียงประชาชนว่าอย่างไรก็น้อมรับ
ส่วนคำถามที่ว่าพรรค พท.ชนะแบบแลนด์สไลด์ แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ด้วยกติกาที่เป็นอยู่ จะต้องแก้กติกาให้ยึดโยงกับประชาชนหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ ส.ส.พรรค พท.ที่ต้องไปแก้เพื่อให้เป็นตามระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญ การเปลี่ยนบางอย่างต้องใช้เวลา แม้ผมจะอายุมากแล้วแต่ก็ต้องมีความหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คนเราต้องมีความหวัง
หากสมมุติว่าต้องเลือกดูงานด้านใดด้านหนึ่ง เช่น คลัง อุตสาหกรรม เกษตร พาณิชย์นั้น ผมขอตอบว่า ด้านต่างประเทศ อย่างไรก็ตามหากพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาล ผมไม่เคยมีแนวคิดที่จะเสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรมพานายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้าน ขอย้ำว่ายังไม่มี และยังไม่ได้คิด