เตรียมการกันอย่างพร้อมพรั่ง สำหรับการชม ‘สุริยุปราคา’ ในเช้าตรู่ของวันที่ 9 มีนาคม ซึ่งหากพลาดไป จะต้องอดใจรอไปอีกกว่า 50 ปี จึงจะมีให้เห็นกันอีกครั้ง ปรากฏการณ์นี้มีความสำคัญมาตั้งแต่ในอดีต ในกลุ่มชาวบ้าน มีคำเรียกต่างๆ เช่น “กบกินตะวัน” โดยเกี่ยวพันกับความเชื่อว่าจะส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์ในการเกษตร ส่วนในราชสำนักก็มีพระราชประเพณีซึ่งพระมหากษัตริย์จะ “สรงมุรธาภิเษก”
หลักฐานด้านเอกสารโบราณที่กล่าวถึงสุริยุปราคา ปรากฏใน “คำให้การชาวกรุงเก่า” กล่าวถึงอาคารบริวารของพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ (อาคารพระที่นั่งบนเกาะกลางสระน้ำในพระราชวังหลวง) ข้อความตอนหนึ่งว่า
“…ปลูกเปนพระที่นั่งทอดพระเนตรดาว เสาลงในท้องสระ ไม่มีหลังคามีแต่พื้นแลลูกมะหวดรอบ มีตะพานข้ามสระออกมาจากมุมมาพระมหาปราสาท ถึงพระนั่งทรงดาวๆ นี้สำหรับทอดพระเนตรดาว แลทอดพระเนตรสุริยุปราคาแลจันทรุปราคา ชีพ่อพราหมณทำพิธีถวายน้ำกรดน้ำสังข์ในวันสูริย-จันทรเมื่อโมกขบริสุทธิบน พระที่นั่งทรงดาวทุกคราวไป…”
พระที่นั่งทรงดาว นี้เป็นลานกลางสระน้ำที่ล้อมรอบพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ ซึ่งพระมหากษัตริย์จะทำพระราชพิธีสรงมุรธาภิเษกจากพราหมณ์ ในช่วง “โมกขบริสุทธิ์” ซึ่งเป็นช่วงที่สุริยุปราคาสิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ยังมีภาพวาดฝีมือชาวฝรั่งเศส ที่บันทึกการทอดพระเนครสุริยุปราคาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ครั้นล่วงสู่รัชสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 บิดาแห่งดาราศาสตร์ไทย ผู้ทรงคำนวณการเกิดสุริยปราคาได้อย่างแม่นยำ ก็ภาพภาพถ่ายขณะประทับ ณ ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงภาพถ่ายสุริยุปราคา โดยฟรานซิส จิตร เมื่อ พ.ศ. 2411
หลังจากนั้น ในรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี เสด็จทอดพระเนตรค่ายนักดาราศาสตร์เยอรมัน ที่ตำบลโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2472
“มติชน” ได้รวบรวมภาพเก่าเหล่านี้มาให้ชมอุ่นเครื่องก่อนชมสุริยุปราคาพร้อมกันในวันที่ 9 มีนาคม พุทธศักราช 2559 ซึ่งเป็นอีกช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ต้องบันทึกไว้อีกครั้ง
ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วนจาก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์, สำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ และสมาคมดาราศาสตร์ไทย, คุณหนุ่มรัตนะพันทิป ณล