ศธ.เล็งถก ‘ออมสิน-กรุงไทย’ แก้ปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาหนี้สิ้นบุคลากรของ ศธ. ว่า ที่ประชุมได้รับฟังปัญหาหนี้สินครู ข้อกังวล และการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินที่ผ่านมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย ที่เข้ามาเสนอแนวคิด วิธีการที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สิ้นครู เป็นต้น หลังจากที่คณะกรรมการรับฟังปัญหาจากลูกหนี้แล้ว สัปดาห์หน้าจะเข้าหารือกับเจ้าหนี้ด้วย โดยจะเน้นหารือกับเจ้าหนี้รายใหญ่ คือ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย เพื่อรับฟังแนวคิดวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู จากนั้นคณะกรรมการจะรวบรวมข้อคิดเห็นมาปรับปรุงแก้ไขปัญหาหนี้สินครู
นายอนุชากล่าวต่อว่า จากการรับฟังข้อคิดเสนอแนะต่างๆ มีข้อเสนอหลายข้อที่มีความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาหนี้ครู แต่ทั้งนี้ต้องดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย และมีเรื่องที่คณะกรรมการจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว คือกรณีที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งพิพากษาว่ารัฐมนตรีว่าการ ศธ. และคณะผู้บริหาร ศธ.ทั้งประเทศทำผิดระเบียบ ศธ. ว่าทำการหักเงินเดือนเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อชำระหนี้เงินกู้เกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยผู้กู้จะต้องมีเงินเหลือจากการหักชำระหนี้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของอัตราเงินเดือนเงินบำเหน็จบำนาญที่ได้รับ พร้อมกับสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุดนั้น ซึ่งศาลปกครองมีคำสั่งมาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2562 ศธ.จะต้องแก้ไขปัญหาให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ คำสั่งศาลปกครองออกมาอย่างไร ต้องดำเนินการตามนั้น แต่ก็มีข้อสงสัยว่าหาก ศธ.ทำตามคำสั่งศาลแล้วจะเกิดปัญหาอะไรกับลูกหนี้หรือไม่ ซึ่งจะต้องไปดูข้อกฎหมายและแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
“การปรับโครงสร้างหนี้ ศธ. ใครจะได้ประโยชน์นั้น ทุกฝ่ายต้องไม่มีใครเอาเปรียบใคร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโปร่งใส ต้องไม่ทำเพื่อประโยชน์ของใคร หรือเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เจ้าหนี้ต้องได้เงินในส่วนที่ปล่อยกู้ และลูกหนี้จะไม่โดนเอาเปรียบ ส่วนจะมีความเป็นไปได้ที่จะรวมหนี้เป็นก้อนเดียวหรือไม่ ผมยังไม่ทราบ ทางคณะกรรมการขอรับฟังปัญหาจากทุกหน่วยงานก่อน ทุกขั้นตอนจะต้องดำเนินการให้รอบคอบ” นายอนุชากล่าว
