เปิดตัว ‘ตะวันลับแห่งต้าถัง’ ชี้ ตัวเอกไม่ใช่คน แต่เป็นเส้นทางปวศ. เผย ‘ขันที’ คุมทหารบทบาทสูงมาก

เปิดตัว ‘ตะวันลับแห่งต้าถัง’ ชี้ ตัวเอกไม่ใช่คน แต่เป็นเส้นทางปวศ. เผย ‘ขันที’ คุมทหารบทบาทสูงมาก

เมื่อวันที่ 26 มกราคม เวลา 13.00 น. ที่ห้องดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (พช.) พระนคร กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์มติชน ร่วมกับ พช.พระนคร จัดกิจกรรม ‘ชมพิพิธภัณฑ์ ฟังเสวนา เปิดตัวหนังสือ ตะวันลับแห่งต้าถัง’ วิทยากรได้แก่ นายสมชาย แซ่จิว ผู้เชี่ยวชาญวัฒนธรรมจีน และนายนิธิพันธ์ วิประวิทย์ แฟนพันธุ์แท้ราชวงศ์จีน ดำเนินรายการโดย นายวิกรานต์ ปอแก้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สนใจเข้าร่วมฟังจนเต็มพื้นที่ ส่วนหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงเข้าเทศกาลตรุษจีนและธีมงานเปิดตัวหนังสือซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ช่วงสุดท้ายของราชวงศ์ถังก่อนการล่มสลาย นอกจากนี้ บูธจำหน่ายหนังสือของสนพ.มติชนบริเวณหน้าห้องเสวนายังได้รับความสนใจอย่างมาก

นายนิธิพันธ์ กล่าวว่า ราชวงศ์ถังยาวนานถึง 300 ปี โดยช่วงครึ่งแรกมีความรุ่งเรืองมาก ทั้งทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม แต่ประวัติศาสตร์ช่วงปลาย หาได้น้อยคนมากที่เข้าใจเรื่องราวในช่วงเวลาดังกล่าว หนังสือ ‘ตะวันลับแห่งต้าถัง’ ที่เขียนโดย จ้าวอี้ เป็นการนำประวัติศาสตร์มาเล่าให้เข้าใจ ตัวเอกไม่ใช่บุคคล ทว่า เป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ จากช่วงเจอวิกฤตกระทั่งล่มสลาย เป็นช่วงเวลา 150 ที่น่าสนใจว่าพบเจออะไรบ้าง ส่วนตัวเมื่ออ่านแล้วพบว่านอกจากเนื้อหาประวัติศาสตร์แล้วในเชิงวรรณศิลป์ให้อารมณ์คล้ายหนังสือเรื่อง ‘หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว’ ของ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ นวนิยายชิ้นเอกของโลกในศตวรรษที่ 20 เนื่องจากบอกเล่สความล่มสลายผ่านตัวละครเล็กๆ นี่เป็นจุดเด่นที่อยากให้คนซึมซับ

“คนราชวงศ์ถัง กล้าหาญ ตรงไปตรงมา ไม่กลัวใคร มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง เพราะไม่กลัววัฒนธรรมใหม่ๆที่เข้ามา ในช่วงต้นราชวงศ์รุ่งเรืองมาก ต่อมาเกิดวิกฤตวิกฤตที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัส ถ้าเป็นราชวงศ์อื่นก็อาจล่มสลายไปแล้ว ราชวงศ์ถังยังอยู่มาอีก 150 ปี รัฐอาณาบริเวณที่ไม่ได้เชื่อฟังราชวงศ์ถัง ก็ไม่ได้คิดจะยึดราชวงศ์ถังอยู่ดี จึงถือเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ” นายนิธิพันธ์กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่น่าสนใจมากในหนังสือเล่มนี้คือประเด็น ‘การเมืองการปกครอง’ มีเรื่องราวเกี่ยวกับการกำจัดศัตรูทางการเมือง ซึ่งมี 2 วิธีที่ได้ผลดีมาก 1. การทำให้บุคคลคนนั้นถูกมองว่ามีความเสื่อมเสียทางด้านศีลธรรม เป็นคนชั่วร้าย 2. การกล่าวหาว่าบุคคลผู้นั้นมีใจคิดคดทรยศ วางแผนก่อกบฏ

“ไม่อ่านเล่มนี้ไม่ได้แล้ว สนุกมาก ทุกอย่างในเล่มนี้คือเรื่องจริงทั้งหมด แต่ผู้เขียนเรียงเส้นเรื่องเหมือนเรื่องแต่ง” นายสมชายกล่าว

นายสมชายกล่าวด้วยว่า ในยุคราชวงศ์ถัง กลุม ‘ขันที’ มีบทบาทสูงมาก คนที่อยู่ใกล้ชิดฮ่องเต้ที่สุดคือขันที ได้รับความไว้วางใจมาก ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี่จะเห็นว่าฮ่องเต้หนีบ่อยมาก ผู้ที่ติดตามไปคือขันทีทั้งสิ้น โดยเป็นผู้ช่วยเหลือในการหลบหนี ขันทีบางคนมีอำนาจทางการทหารด้วย ถือเป็น ‘จเรกองทัพ’ มีหน้าที่คล้ายผู้ตรวจการ แต่มักขัดแย้งกับแม่ทัพนายกอง เป็นตัวกลางระหว่างบนกับล่าง คือฮ่องเต้กับมหาเสนาบดี จึงมีสิทธิแปลงสารได้ตลอดเวลา หรือไม่ทูลฮ่องเต้ก็ได้ จึงกลายเป็นกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเคยเป็นผู้ปลงพระชมน์ฮ่องเต้มาแล้ว

จากนั้นเวลาประมาณ 15.00 น. เป็นการนำชมห้องจัดแสดงเครื่องเบญจรงค์ และเก๋งราชบริหาร โดย รศ.ดร. ศานติ ภักดีคำ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

รศ.ศานติ ครื่องถ้วยที่สัมพันธ์กันระหว่างไทยกับจีน พบในแหล่งโบราณคดีของไทยจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงที่ร่วมสมัยกับทวารวดีซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ถังพอดี จุดเด่นคือเคลื่องเคลือบขาว และเครื่องเคลือบสีออกเขียว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ พบมากที่แหลมโพธิ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ส่วนเก๋งราชบริหารมีความสำคัญมาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งของพระที่นั่งบวรปริวัติซึ่งเป็นพระที่นั่งทรงจีนที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ โปรดให้สร้างไว้ในสมัยรัชกาลที่ 4

“ในเก๋งมีจุดสำคัญ คือ ภาพจิตรกรรมจีน เขียนเรื่องห้องสินซึ่งเป็นวรรรกรมจีนสมัยราชวงศ์หมิง เล่าเรื่องราวเก่าไปจนถึงสมัยราชวงศ์โจว วรรณกรรมเรื่องนี้มีการแปลมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ส่วนตัวจิตรกรรมเขียนในสมัยรัชกาลที่ 4 ในภาพ มีสิ่งที่คนไทยรู้จักกันดี คือ นาจา ทหารเอกที่ถูกนำมาสร้างอนิเมชั่น แสดงว่าเรารู้จัก นาจามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” รศ.ศานติกล่าว

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่