หุ้นไทยยังมีหวัง ปัจจัยบวก-ลบ มีน้ำหนักไม่แตกกัน ให้กรอบเคลื่อนไหวที่ 1,242-1,173 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดในสัปดาห์ถัดไป ยังอยู่ในการติดตามผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2563 ของบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน (บจ.) ไทย ว่าภาพรวมจะเป็นอย่างไร จะหดตัวมากน้อยเท่าใด โดยปัจจัยต่างประเทศในขณะนี้ ภาพรวมค่อนข้างเป็นกลางถึงบวก ทั้งแผนที่สหรัฐอเมริกาได้เตรียมตัวที่จะประกาศยกเลิกการปิดเมือง หรือล็อกดาวน์ เนื่องจากการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงดัชนีเชื่อมเศรษฐกิจทั้งในส่วนของจีนและสหรัฐ ยังต้องจับตามอง ทำให้ประเมินว่า ภาาการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยจะยังมีความผันผวนต่อเนื่อง โดยให้แนวต้านที่ระดับ 1,242-1,280 จุด ส่วนแนวรับ 1,173 จุด

“ปัจจัยที่ต้องติดตามให้น้ำหนักไปที่ผลประกอบการของบจ.ไทย และดัชนีเชื่อมเศรษฐกิจมากเป็นพิเศษ โดยกลุ่มที่รายงานงบออกมาเป็นกลุ่มแบงก์กลุ่มแรก ซึ่งก็ดูไม่สดใสมากนัก และเห็นสัญญาณชะลอตัว ทำให้หุ้นแบงก์อาจเป็นกลุ่มที่ยังถ่วงน้ำหนักในตลาด ทำให้ดัชนีไม่สามารถปรับระดับขึ้นได้ดีเท่าที่ควร โดยปัจจัยในประเทศเชิงบวกยังเป็นเรื่องมาตรการพยุงเศรษฐกิจที่ทยอยออกมา ส่วนปัจจัยเชิงลบเป็นการระบาดของโควิด-19 ที่ยังคุมไม่ได้ แต่ปัจจัยบวกแลเลบไม่ได้มีน้ำหนักต่างกันมากนัก ซึ่งรวมถึงปัจจัยต่างประเทศด้วย” นายกรภัทรกล่าว

นายกรภัทรกล่าวว่า สำหรับทิศทางราคาน้ำมัน ประเมินว่าน่าจะเริ่มนิ่งขึ้นแล้ว เนื่องจากผลการประชุมโอเปกพลัสที่ออกมา ถือว่าเป็นกลางถึงบวก เพราะมีการปรับลดกำลังการผลิตลง แม้จะไม่ได้มากเท่าที่ตลาดคาดหวังไว้ โดยต้องติดตามว่าการหดตัวของภาคการผลิต จะส่งผลกระทบมากกว่าทีาตลาดคาดการณ์ไว้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นผลต่อแนวโน้มราคาน้ำมันต่อไป ในส่วนของกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ เนื่องจากตลาดดีดตัว (รีบาวด์) ขึ้นมาได้ดีในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) ของกำไรบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนไทยปีนี้ค่อนข้างตึงตัว ทำให้คาดว่าการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยจะเริ่มจำกัดมากขึ้น ในแง่การเก็งกำไรก็ใช้ระดับ 1,200 จุด เป็นแนวป้องกันความเสี่ยง หากดัชนีหลุดระดับดังกล่าว ให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางความชัดเจนในระยะถัดไปก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image