ไม่ว่ากรณีที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้ความไว้วางใจ 263 คะแนน ไม่ว่ากรณีที่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ได้ความไว้วางใจ 258 คะแนน
นั่นคือ “สัญญาณ” ในทาง “การเมือง”
ยิ่งกรณีที่ 6 ส.ส.ใน “กลุ่มดาวฤกษ์” ของพรรคพลังประชารัฐตัดสินใจ ไม่ยอม “ไว้วางใจ” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีคมนาคมแห่งพรรคภูมิใจไทย
ยิ่งสั่นสะเทือน “เอกภาพ” ภายใน “รัฐบาล”
คำยืนยัน ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ว่าจะไม่มีการ “ปรับ ครม.”
เป็นคำยืนยันที่ถูกต้อง
ถูกมองเมื่อมองจากสถานะแห่งความเป็น “นายกรัฐมนตรี” สถานะแห่งความเป็น “หัวหน้า” พรรคพลังประชารัฐอันเป็นแก่นแกนหลักของรัฐบาล
คำถามก็คือ เป็นไปได้ เช่นนั้นจริงละหรือ
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรู้อยู่เป็นอย่างดีว่า คะแนน “ไว้วางใจ” อันรัฐมนตรีแต่ละคนได้มาเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีเส้นสนกลในเป็นอย่างไร
ทำไมจึงต้อง “เท” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ
ทำไมจึงเกิดปรากฏการณ์ที่อย่างน้อยก็มี ส.ส. 3 คน ของพรรคประชาธิปัตย์แสดงความไม่ไว้วางใจ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคของตน
ทำไมคะแนน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จึงน้อยที่สุด
อย่าว่าแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีจะรู้อยู่เต็มอก แม้กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็รู้อยู่แก่ใจ
แต่ก็รู้อีกเหมือนกันว่า การปรับ ครม.เป็นเรื่องยาก
เป็นเรื่องยากที่จะเอา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ออกจากคมนาคม เป็นเรื่องยากที่จะเอา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ออกจากกระทรวงพาณิชย์
เมื่อเป็นเช่นนี้ ในที่สุด ก็ต้องมองเข้าไปยัง “พลังประชารัฐ”
ไม่จำเป็นต้องมีสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ไม่จำเป็นต้องมีสำนักข่าวกรองกองทัพบก ไม่จำเป็นต้องมีกองบัญชาการตำรวจสันติบาล
สังคมก็รู้ “ปัญหา” ภายในของพรรคพลังประชารัฐ
เหตุปัจจัยซึ่งทำให้คะแนนของ นายสุชาติ ชมกลิ่น มีคนงดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 1 เหตุปัจจัยซึ่งทำให้คะแนนของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ มีคนงดออกเสียง 8
ก็รู้อยู่เป็นอย่างดีว่ามี “เค้ามูล” เป็นมาอย่างไร
ที่ร่ำลือกันว่า คะแนนอันต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่ว่าจะของ นายสุชาติ ชมกลิ่น ไม่ว่าจะของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นปฏิบัติการของ “3 รมช.” นั้น
มิได้เป็นข่าวลือ มิได้เป็นข่าวปล่อย
ตรงกันข้าม ที่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ยึดกุมอยู่คือกระทรวงศึกษาธิการ ที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น ยึดกุมอยู่คือกระทรวงแรงงาน
นี่คือการเจาะทะลวง “คน” ไปยัง “ตำแหน่ง”
หากยังคิดว่าสถานการณ์เขย่าขวัญทางการเมืองครั้งนี้เป็นเรื่องที่ “เป็นไปไม่ได้” ก็ขอให้ย้อนกลับไปทบทวนศึกษาจากกรณีของ “กลุ่ม 4 กุมาร” ดู
เริ่มต้นจาก “ตำแหน่ง” ในพรรคพลังประชารัฐ
แต่แล้วไม่เพียงแต่จะต้องหลุดลอยไปจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตำแหน่งเลขาธิการพรรค หากแม้กระทั่งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีก็ไม่เหลือ
เกมอย่างนี้มีแต่คนระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้นที่ตอบได้
