‘สนธิ-หมอเลี้ยบ’ ไม่เข้าเกณฑ์ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ แค่นักโทษชั้นกลาง ‘ชูวิทย์’ จ่อปล่อยพ้นคุก

วันที่ 12 ธันวาคม 2559 นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวภายหลังมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ 2559 ว่า เรือนจำอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนการปล่อยตัวผู้ต้องขังประมาณ 30,000 รายจากเรือนจำทั่วประเทศ ซึ่งเรือนจำแต่ละแห่งจะมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจคุณสมบัติผู้ต้องขังในเรือนจำว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ สำหรับพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้จะเป็นผู้ต้องขังชั้นดี-ชั้นเยี่ยม ไม่ใช่ผู้ต้องโทษคดีฆ่าข่มขืน ฉ้อโกงประชาชน หรือค้ายาเสพติด ส่วนชั้นกลางลงมา-ชั้นเลวมาก จะไม่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ทั้งลดวันต้องโทษ และปล่อยตัว ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษฉบับนี้ คาดว่าจะสามารถปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการอภัยโทษล็อตแรกได้ภายใน 3 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องโทษน้อยไม่เกิน 2 ปี

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องขังในคดีสำคัญหรือผู้ต้องขังที่เป็นที่รู้จักในแวดวงสังคมในกลุ่มของคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทในกลุ่มของบริษัท กฤษดามหานคร ศาลพิพากษาจำคุก 18 ปี จะได้รับการลดวันต้องโทษ ซึ่งเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยม จะได้รับการลดวันต้องโทษ 1 ใน 4 ของโทษ ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ และอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ผู้ต้องขังคดีทำเอกสารรายงานการประชุมเท็จ ค้ำประกันกู้เงินธนาคารกรุงไทยกว่า 1,000 ล้าน ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 20 ปี ไม่ได้เข้าหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษฉบับนี้ เนื่องจากนายสนธิเป็นนักโทษชั้นกลาง รวมถึง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือหมอเลี้ยบ อดีต รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 1 ปี เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังชั้นกลางเช่นกัน นอกจากนี้ ในส่วนของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ต้องขังคดีรื้อบาร์เบียร์ที่ต้องโทษจำคุก 2 ปี ได้รับการลดวันต้องโทษตามหลักเกณฑ์ ซึ่งรอบนี้เป็นการได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกา ครั้งที่ 2 ทำให้จำนวนวันต้องลดลงไปและเตรียมได้รับการปล่อยตัวพ้นเรือนจำ

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องขังที่เข้าข่ายที่ได้รับสิทธิตามหลักเกณฑ์พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษจะมีทั้งสิ้นประมาณ 1 แสนราย จากเรือนจำทั่วประเทศ เป็นผู้ต้องขังตั้งแต่ชั้นดี-ชั้นเยี่ยม ลดวันต้องโทษ ตามชั้นนักโทษ ส่วนผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวจะเป็นกลุ่มไปตามมาตรา 5 คือ ผู้ต้องกักขัง ผู้ทํางานบริการสังคมหรือทํางานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องขังที่ได้รับการลดวันต้องโทษ ตามมาตรา 7 ซึ่งผู้ต้องขังความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 112 จะได้รับการลดวันต้องโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษฉบับนี้ด้วย ซึ่งกำหนดให้ผู้ต้องขังชั้นดี-ชั้นเยี่ยม ได้ลดวันต้องโทษตามลำดับชั้น ซึ่งชั้นเยี่ยมจะได้ลดวันต้องโทษครึ่งหนึ่ง หรือ 1 ใน 2 ในโทษที่เหลืออยู่ ส่วนชั้นดีมากได้ลดวันต้องโทษ 1 ใน 3 ชั้นดี ได้ 1 ใน 4

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image