จับนายทุนกรุงเทพฯ รุกป่าโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำก้อ-น้ำชุน
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) โดยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ผอ.ศปก.พป.ศปก.พป. และพล.ท. เรืองสิทธิ์ มิตรภานนท์ ผอ.ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4 กอ.รมน.) ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.นำโดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าจากกลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่าในพื้นที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
โดยเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ป่าที่มีการบุกรุกในโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำก้อ-น้ำชุน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2546 เพื่อป้องกันและบรรเทาการเสียหายจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ จำนวนเนื้อที่ 132,626 ไร่
บริเวณป่าริมถนนหมายเลข 12 ซึ่งเป็นถนนสายหลักตรงหลักกิโลเมตรที่ 338 บ้านทางแดง หมู่ 7 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อยู่ในโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อ-น้ำชุน อยู่ห่างจากวัดผาซ่อนแก้ว มาเล็กน้อย พบอาคารสิ่งปลูกสร้างถาวร จำนวน 8 หลัง ซึ่งเป็นการบุกรุกใหม่ จึงได้ตรวจยึดพื้นที่บุกรุก จำนวน 2 – 3 – 96 ไร่ คิดเป็นค่าความเสียหายของรัฐเป็นเงิน 204,050.22 บาท และตรวจยึดอาคารสิ่งปลูกสร้างถาวร จำนวน 8 หลัง รวมทั้งอาคารก่อสร้างเพิ่มจากพื้นที่เดิมที่เคยถูกตรวจยึดเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2553 พื้นที่จำนวน 1 – 2 – 80 ไร่ และอาคารปลูกสร้างจำนวน 6 หลังพร้อมจัดทำบันทึกตรวจยึด นำส่ง พงส.สภ.เขาค้อ เพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยแจ้ง ข้อกล่าวหา ฐาน ” ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ,ฐาน “ผู้ใดครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถางโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตราก่อน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น” ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 55 และฐาน “ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตาม ม.54 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพร.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 72 ตรี
พ.อ.พงษ์เพชร กล่าวว่า ผู้บุกรุกรายนี้ คือนายวรวิทย์ สินส่งสุข เป็นนายทุนจาก กรุงเทพฯที่มีพฤติกรรม เจตนาบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่า เกี่ยวเนื่องเป็นรายเดียวกันกับ ร้านกาแฟโมอาย ที่เคยถูกจับกุมดำเนินคดี เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2557และคดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2559 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาลงโทษปรับ 5,000 บาท จำคุก 3 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ควบคุมประพฤติ 1 ปี และให้จำเลย และบริวารออกจากพื้นที่ แต่ปัจจุบัน นายทุนรายนี้ยังคงประกอบกิจการเปิดร้านกาแฟโมอายอยู่ และมาบุกรุกพื้นที่ใหม่ในพื้นที่แปลงนี้เพิ่มเติมจากเดิมอีก โดยมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งนี้ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้บางคนในพื้นที่ คอยให้ความช่วยเหลือ เอื้อประโยชน์ให้นายทุน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ดังนั้น ตนจะใช้วิธีการปกครองเพื่อบังคับคดีให้มีการรื้อถอน โดยจะเสนอเรื่องต่อศาล และจะกำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ ได้แก่ กรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุดจนถึงขั้นบังคับคดีโดยเคร่งครัดทุกคดีต่อไป