ปิดฉาก X-Men ฉบับค่าย Fox

ปิดฉาก X-Men ฉบับค่าย Fox

X-Men ภาคนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า จะเป็นภาคสุดท้ายของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ ภายใต้การผลิตของ 20th Century Fox ก่อนย้ายกลับสู่ Marvel Studio อย่างเป็นทางการ

หนังภาคแรกปรากฏบนจอภาพยนตร์เมื่อปี 2000 เป็นแฟรนไชส์ที่ประกอบด้วยหนังทั้งหมด 12 เรื่อง เป็นเรื่องหลักเล่าเรื่องทีม X-Men โดยตรง และเป็นภาคแยกเน้นเฉพาะตัวละครบางตัว เช่น The Wolverine, Logan หรือ Deadpool ทั้งสองภาค

เสน่ห์ของตัวละครมิวแตนท์ (มนุษย์กลายพันธุ์) เหล่านี้ อยู่ที่แต่ละตัว มีชีวิตและปูมหลังที่น่าสนใจ นิสัยใจคอและพลังก็แตกต่างกัน

ชาร์ลส์ เซเวียร์ อ่อนโยนมีเมตตา มีพลังจิตในการควบคุมและอ่านใจคน อีริคหรือแมกนีโต อดีตเพื่อนรักของชาร์ลล์ เป็นตัวละครที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย มีภูมิหลังน่าเห็นใจว่าเพราะอะไรเขาจึงเกลียดชังและไม่ไว้ใจมนุษย์ พลังของอีริคคือการควบคุมโลหะ

Advertisement

โลแกน (วูล์ฟเวอรีน) มนุษย์กลายพันธุ์ผู้โดดเด่นจนมีหนังเดี่ยวเป็นของตัวเองหลายภาค มาพร้อมกรงเล็บอะดาแมนเทียม และพลังในการฟื้นฟูเยียวยาตัวเอง

ยังมีมนุษย์กลายพันธุ์ฝ่ายหญิง สตอร์ม ผู้ควบคุมลมฟ้าอากาศได้ มิสทีก ที่สามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้ จีน เกรย์ มิวแตนท์ที่แข็งแกร่ง พลังมหาศาล และเป็นตัวเอกของภาคส่งท้ายนี้ ฯลฯ

เมื่อประกอบกับดาราที่แสดงเป็นตัวละครเหล่านี้ ที่มีทั้งระดับได้รางวัลออสการ์ เช่น ฮัลลี่ เบอร์รี่ (สตอร์ม) เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (มิสทีก)

Advertisement

ระดับเข้าชิงรางวัลออสการ์ ไมเคิลล ฟาสเบนเดอร์ (แมกนิโต) ฮิวจ์ แจ็คแมน (โลแกน/วูลฟ์เวอรีน)

ระดับลูกโลกทองคำ เจมส์ แม็คอะวอย (ชาร์ลส์ เซเวียร์) และดาราหนุ่มหล่อที่เป็นมิวแตนท์ อย่าง นิโคลาส เฮาลต์ (ดร.แฮงค์หรือบีสต์) และ ไท เชอริแดน (ไซคลอปส์)

ทำให้หนัง X-Men ครองใจผู้ชมได้อย่างยาวนานมาเกือบ 20 ปี

ไซมอน คินเบอร์ก อดีตโปรดิวเซอร์ที่ดูแลแฟรนไชส์ X-Men หลายภาค รวมทั้งเป็นผู้อำนวยการสร้าง Deadpool 2 ภาค และ Logan กระโดดลงมาเป็นผู้กำกับและเขียนบทเอง

เขาวางแนวและโครงเรื่องให้ “ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง แข็งแกร่ง ชวนสงสัย เข็มข้น สะเทือนอารมณ์ และโฟกัสไปที่ความลัมพันธ์ของทีม X-Men มากกว่าเน้นฉากแอคชั่น” โดยเอาหนังสือการ์ตูน X-Men ตอน The Dark Phoenix Saga ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1980 มาพัฒนาเป็นหนังโดยปรับเนื้อหาใหม่

X-Men: Dark Phoenix เล่าเรื่องราวของจีน เกรย์ (โซฟี เทอร์เนอร์) มิวแตนท์ที่มีพลังสูงสุดในจักรวาล อันเกิดจากการที่ร่างกายเธอดูดซับพลังคอสมิค จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ขณะปฏิบัติภารกิจช่วยนักบินอวกาศ พลังดังกล่าวทำลายเกราะพลังจิตใจ ที่ชาร์ลส์สร้างไว้เพื่อปกป้องจีนจากอดีตที่เจ็บปวด และควบคุมจีนไม่ให้ใช้พลังในทางที่ผิด

เมื่อเกราะถูกทำลาย จีนกลายเป็นดาร์กฟีนิกซ์ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำร้ายคนในทีม X-Men จนครอบครัวมิวแตนท์ของชาร์ลส์แตกแยก ฝ่ายหนึ่งต้องการฆ่าจีนเพื่อล้างแค้น อีกฝ่ายต้องการปกป้องจีน โดยเฉพาะเมื่อเธอถูกวายร้ายต่างดาว (เจสสิกา แชสเทน) ปั่นหัวให้จีนทิ้งความเป็นมนุษย์ หันสู่ด้านมืดและใช้พลังของเธอทำลายล้างโลก

แม้จะเป็น X-Men ภาคสุดท้ายของตัวละครชุดนี้กับค่าย Fox ที่ผู้กำกับ ไซมอน คินเบอร์ก อยากให้เป็นการทิ้งท้ายที่ประทับใจและต่างจาก X-Men ภาคอื่นๆ แต่หนังกลับได้รับคะแนนวิจารณ์จากเว็บดังต่างประเทศต่ำกว่าทุกภาค

และแม้เรื่องราวภาคนี้จะต่อจาก X-Men: Apocalypse 10 ปี แต่เนื้อหากลับไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย บ้างก็ว่าหนังขาดเสน่ห์ของความเป็นหนัง X-Men ซ้ำมีบทสรุปที่ไม่น่าจดจำ

ที่ผ่านมาหนัง X-Men มีเส้นเวลาที่ค่อนข้างซับซ้อน บางทีเล่าเรื่องในอดีต (สมัยชาร์ลส์, โลแกน และแมกนีโตยังหนุ่ม) บางภาคกลับมาอยู่ปัจจุบัน และมีบางภาคที่ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต เนื้อเรื่องแต่ละภาคก็ไม่ค่อยต่อเนื่องกัน จนแทบจะพูดได้ว่า ต้องแฟน X-Men พันธุ์แท้เท่านั้น ที่จะอินและเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ของหนังเรื่องนี้อย่างชัดเจน

ส่วนตัวเลยมองว่า X-Men ภาคจีน เกรย์ นี้เข้าใจง่าย ดราม่าอาจไม่ประทับใจเท่า Logan และยังไม่สมกับเป็นภาคจบของซีรีส์นี้ แต่ฉากแอคชั่นสนุก เพลงประกอบหนังฝีมือ ฮานส์ ซิมเมอร์ (นักประพันธ์ดนตรีเจ้าของรางวัลออสการ์) ช่วยสร้างบรรยากาศให้สนุกและระทึกใจ

ฉากต่อสู้บนรถไฟ แม้จะโชว์พลังขั้นเทพของจีน แต่แมกนีโตกลับเป็นตัวละครที่เท่และน่าจดจำ มิวแตนท์แต่ละตัวก็ได้ปล่อยพลังของตัวเองเต็มที่ จนทำให้นึกเสียดายว่าจะไม่ได้เห็นนักแสดงชุดนี้ในบทบาทเหล่านี้อีกต่อไป

ถึงแม้ Dark Phoenix จะเป็นบทสุดท้ายของค่าย Fox ที่ต้องลาจากไป แต่เชื่อว่าคนดูหลายคนยังมีตัวละครในดวงใจ ที่พวกเขารอดูก้าวต่อไป ในสังกัดค่ายใหม่ ที่จะกลับมาในปี 2020

ในนาม The New Mutants

คลิกอ่าน Logan บทอำลาอันยอดเยี่ยม!

คลิกอ่าน จากเหตุอื้อฉาวหลังม่านบอลชอย ถึง X-Men ภาคใหม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image