โคราชเอาจริง! ตั้งชุดปราบโกง ‘อาหารกลางวันนักเรียน’ ลุยตรวจสอบทั้ง 32 อำเภอ

ความคืบหน้า กรณีที่ ป.ป.ช.ภาค 3 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพลเมืองดีว่ามีโรงเรียนในพื้นที่ จ.นครราชสีมาหลายแห่ง ทุจริตโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ซึ่ง ป.ป.ช.ภาค 3 ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีความผิดปกติของงบประมาณโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนจริงในโรงเรียน 3 แห่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตั้งองค์คณะอนุกรรมการไต่สวนตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่นั้น

วันที่ 8 กรกฎาคม นายมงคล สาริสุต ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.ภาค 3 เปิดเผยว่า เรื่องนี้ทาง ป.ป.ช.ภาค 3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้ตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในพื้นที่ โดยมีเรื่องร้องเรียนอยู่ 4 เรื่อง ใน 3 โรงเรียน เช่น เรื่องความผิดปกติในเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง การจ้างแม่ครัว และการใช้เงินงบประมาณอุดหนุนค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รายหัวละ 20 บาท ไปซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนไม่ตรงตามความเป็นจริง บางโรงเรียนพบว่า ได้รับเงินอุดหนุนจาก อปท. 10,000 บาท แต่กลับพบว่าใช้จริงแค่ 5,000 บาท ที่เหลือไม่สามารถชี้แจงได้ว่านำเงินไปใช้ทำอะไร ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 1 เรื่องที่อยู่ระหว่างตั้งองค์คณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง ส่วนอีก 3 เรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนในเบื้องต้น

Advertisement

นายมงคล กล่าวอีกว่า ในส่วนของโรงเรียน 3 แห่ง ที่ถูกร้องเรียนมานั้น มีทั้งโรงเรียนขนาดใหญ่และโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อโรงเรียน เนื่องจากต้องให้ความเป็นธรรมกับโรงเรียนได้หาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจตามกฎหมาย โดย ป.ป.ช.ภาค 3 มีกรอบเวลาในการไต่สวนให้แล้วเสร็จภายใน 3-6 เดือนนี้ ขณะเดียวกัน เชื่อว่ายังมีโรงเรียนอีกหลายแห่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ที่อาจมีการทุจริตโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนลักษณะเช่นนี้ แต่ยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามา ซึ่งได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาแล้ว

“ในเบื้องต้นได้มีความเห็นร่วมกันว่า ควรที่จะจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนระดับจังหวัดขึ้นมา 1 ชุด โดยจะมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการ อาทิ ท้องถิ่นจังหวัด ศึกษาธิการจังหวัด นายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ และ ป.ป.ช.ภาค 3 ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการด้วย ซึ่งจะเน้นตรวจสอบไปที่โรงเรียนขนาดใหญ่ ที่มีงบประมาณมากๆ ก่อน แล้วค่อยขยายไปตรวจสอบโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็ก คล้ายกับการตรวจสอบโครงการรับแป๊ะเจี๊ยะของโรงเรียนต่างๆ ที่เคยทำมาก่อนหน้านั้น ซึ่งการมีคณะกรรมการตรวจสอบเฉพาะเรื่องเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการปราบปรามโรงเรียนที่มีการทำทุจริตแล้ว ยังเป็นการป้องกันไม่ให้โรงเรียนอื่นมีการทำทุจริตเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย” นายมงคล กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image