เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคปชป. กล่าวถึงกรณีที่นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นเวลา 1 เดือนแล้วว่า จากการที่ตนได้แถลงเรื่องโครงการที่ส่อทุจริตของการประปาส่วนภูมิภาค ทั้งการจัดซื้อจัดจ้าง และล็อกสเปก 10 กว่าโครงการซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งนายเสรีได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ โดยนายเสรีเองก็ได้สั่งตรวจสอบภายในองค์กรเบื้องต้น ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าทุกโครงการมีความผิดจริง แทนที่จะออกคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่กลับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มีนายกฤษฎา ศังขมณี รองผู้ว่าฯฝ่ายบริหาร เป็นประธาน ทั้งๆ ที่ถูกร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใส ราวกับว่านายเสรีไม่กล้าเอาผิด ทำตัวเหมือนนักวิชาการทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งนายถาวร นิติภาวะชน อดีตรองผู้ว่าฯ (ฝ่ายปฏิบัติการ 4) ซึ่งได้นำเลขาส่วนตัว และลูกสาวมานั่งอยู่หน้าห้องผู้ว่าฯ โดยนายถาวรเคยดูแลในเขต 2 และเขต 3 ที่ได้รับการร้องเรียนจากผู้รับเหมา เรื่องการเรียกรับเงินมากที่สุด
นายวิลาศ กล่าวอีกว่า ตนจึงขอส่งสัญญาณไปยังนายเสรี ให้เลิกวัฒธรรมเก่าๆ ที่เอาคนถูกกล่าวหาส่อโกง มาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ แทนที่จะเอาคนนอกมาทำหน้าที่นี้ ซึ่งการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวก็คงได้แค่ตักเตือนทางวินัย ไม่สามารถเอาผิดทำให้ได้เงินคืน อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่านายเสรีเพิ่งได้รับตำแหน่งเพียง 1 เดือน ก็ต้องให้เวลา แต่หากยังไม่มีความคืบหน้า ก็จำเป็นที่ตนจะต้องกล่าวหาไปยังนายเสรีด้วย ในฐานะที่รับรู้ปัญหาแล้ว แต่ยังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 เพราะทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณมหาศาล หรือกรณีที่ตนเคยประกาศผ่านสื่อว่าจะจับทุจริต โครงการวางท่อน้ำดิบอ่างโป่งช้างน้อย ถึงอ่างท่าขาม จ.ชัยภูมิ ระยะทาง 35 กม. ว่ามีการล็อกสเปก
“แต่มีนกรู้ โดยนายเสรีได้เรียกประชุมโดยมีรองผู้ว่าของสำนักงานเขต 6 รวมถึงผู้รับเหมาที่ร้องเรียน โดยขอให้ผู้รับเหมายุติการร้องเรียน ขณะที่ผอ.เขต 6 ได้ทำหนังสือแจ้งต่อนายเสรีว่า ยอมรับว่ามีการล็อกสเปกจริง แต่เป็นการทำเพื่อให้ได้ผลงานที่ดี และเคยทำกรณีนี้กับโครงการที่หนองบัวแดง กับชุมแพรมาแล้ว ซึ่งนายเสรีอยู่ในเหตุการณ์ตลอด ตนจึงคิดว่าควรใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด เชือดไก่ให้ลิงดู เพราะเรื่องนี้ผิดจริง แต่ก็กลับปล่อยให้ผ่านไป”
นานวิลาศกล่าวถึงการลงทุนในโครงการวางท่อน้ำดิบระยะ 8,000 เมตร พร้อมสถานีสูบน้ำอ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีว่า โครงการนี้ไม่ได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ผู้รับเหมาดำเนินการ เนื่องจากประชาชนคัดค้านการก่อสร้างในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านได้จุดไฟเผาวัสดุที่เตรียมเพื่อก่อสร้าง ทำให้ได้รับความเสียหาย โดยผู้รับเหมาได้ทำหนังสือไปยังนายถาวร เพื่อทวงถามเรื่องการส่งมอบพื้นที่ถึง 43 ฉบับ แต่กลับมีการดองเรื่องไว้จนหมดครบสัญญา 3 ปี จากนั้นนายถาวร ได้ทำหนังสือทวงถามไปยังผู้รับเหมาให้ส่งมอบรถปิกอัพ เพื่อให้นายช่างควบคุมงานไว้ใช้ ทั้งที่สัญญาหมดไปแล้ว โดยเรื่องนี้ทำให้กระทบต่อบรรยากาศการลงทุนเพราะผู้รับเหมาถูกขูดรีด จึงเรียกร้องให้นายเสรีลงพื้นที่ เพื่อไปดูว่าลูกน้องว่าเฮงซวยขนาดไหน
นายวิลาศ กล่าวถึงความเสียหายของโครงการโรงสูบน้ำประปาบ้านโป่ง มูลค่าร้อยล้านบาทเศษ มีการสร้างเสร็จแล้วแต่ไม่สามารถสูบน้ำได้ เนื่องจากคำนวณส่วนสูงของอาคารผิด โดยมีลักษณะเหมือนหอดูดาว และกำลังจะของใหม่เพื่อทุบหรือเปลี่ยนแปลง ให้ใช้การได้ ถือเป็นการจารึกผลงานฉาวของกปภ. โดยตนขอเสนอให้ยกอาคารนี้ให้กับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เพื่อใช้ดูดาว ไม่ต้องไปทุบทิ้งให้เสียงบประมาณ ซึ่งตนจะทยอยส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบทีละเรื่อง
