สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘หลัง’ ไม่สบายใจ : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 : ‘หลัง’ ไม่สบายใจ : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอก “ไม่สบายใจ” ต่อเหตุการณ์ “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน 10 สิงหาคม”

ก็เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

ด้วยสนใจ ว่า “หลัง” ไม่สบายใจแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะมีท่าทีอย่างไรหลังจากนั้น

ตอกแรก ก็ใจระทึก

Advertisement

เพราะหลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี ประยุทธ์ 2/2 นัดแรก 13 สิงหาคม

พล.อ.ประยุทธ์ออกมาฟอร์ม ค่อนข้างดุ

คือถึง จะบอก “ต้องแก้ปัญหาอย่างละมุนละม่อม”

Advertisement

แต่เมื่อถูกถามถึงข่าวที่ว่ารัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ติดตามเพื่อจับกุม นายกฯไม่ปฏิเสธ

และถามกลับว่า “แล้วจับหรือยัง”

จากนั้นพูดถึงกลุ่มคณาจารย์ออกแถลงการณ์สนับสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาว่า

“ไทยเราคงไม่มีนักวิชาการเพียง 105 คน เราจะมีคนเก่งเพียงเท่านี้หรือ เรามีอีกตั้งเป็น 1,000 เป็น 10,000 คน ก็ต้องดูว่าคนเหล่านั้นมีความคิดเห็นอย่างไร”

ตบท้ายพูดถึง การชุมนุมว่า

“ต้องไปดูว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เงินเหล่านี้มาจากไหน ต้องตรวจสอบทั้งหมด”

ประเมิน อารมณ์ ความรู้สึก จากคำพูดข้างต้นแล้ว

เทียบเป็นมวย ก็เป็นประเภท “ไฟต์เตอร์” แน่

ซึ่งบอกตรงๆ ว่าเป็นแนวโน้มที่ไม่ดีนัก

เพราะหาก “ธง” จากผู้นำออกไปในทาง “แรง”

ผู้ปฏิบัติงาน ก็ต้องสนอง ในทาง “แรง” เช่นกัน

ตรงนี้แหละถึงบอกว่าห่วง

เพราะใครๆ ก็พูดถึงเหตุการณ์ในอดีต อย่าง 6 ตุลาคม 2519

ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย

แต่กระนั้นตกเย็นของวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ไปออกรายการผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ

ประกาศแนวทางของ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ อย่างเป็นทางการ

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำถึงความแน่วแน่ที่จะเดินหน้า รวมไทยสร้างชาติ

“แนวคิดแบบ พวกเขา-พวกเรา ไม่ควรจะมีที่ยืนอีกต่อไปในโลกปัจจุบัน ควรจะมีแต่คำว่าคนไทยด้วยกัน” คือสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์เน้น

ก่อนประกาศน่าฟัง

“ผมขอพูดต่อหน้าประชาชนคนไทยทุกคนว่า กรุณาปฏิเสธความเกลียดชัง และการแบ่งแยกทางการเมือง ขอให้ปฏิเสธการเมืองแบบเก่า ที่แพร่กระจายเชื้อโรคของความแตกแยก ระหว่างความเชื่อที่แตกต่าง คนรุ่นใหม่-คนรุ่นเก่า คนรวย-คนจน หรือความแตกต่างอะไรก็ตามที่ถูกใส่เข้ามาในสังคมของเรา อนาคตเป็นของคนรุ่นใหม่ อยู่ในมือคนรุ่นใหม่ ให้คนรุ่นใหม่แสดงออกมาให้เห็นว่า เขามีพลังที่จะเดินหน้าประเทศไปในเส้นทางที่จะร่วมแรงร่วมใจกันทุกคนทุกฝ่าย ก้าวข้ามความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และก้าวไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น”

ฟังแล้วสบายใจ

พร้อมหวังว่า ความแน่วแน่นี้ พล.อ.ประยุทธ์จะฟันฝ่าวิกฤตได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะกรณี “10 สิงหาคม”

และ–แฮ่มเพื่อเสริมขวัญกำลังใจ

ขอร่วมยินดีกับรัฐบาล

ตามคำแถลงของ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุม ครม. ถึงข่าวที่น่ายินดี เรื่องการจัดอันดับสิทธิมนุษยชนเด็ก โดย The KidsRights Foundation

ที่ได้จัดอันดับ 182 ประเทศทั่วโลก ว่าสามารถดำเนินการด้านสิทธิเด็กได้มากเพียงใดในช่วงเวลาการแพร่ระบาดโควิด-19

ปรากฏว่าไทยอยู่ที่ 8 ของโลก

10 ประเทศที่ติดอันดับ คือ 1.ไอซ์แลนด์ 2.สวิตเซอร์แลนด์ 3.ฟินแลนด์ 4.สวีเดน 5.เยอรมนี 6.เนเธอร์แลนด์ 7.สโลวีเนีย 8.ไทย 9.ฝรั่งเศส และ 10.เดนมาร์ก

ทั้งนี้ The KidsRights Foundation ใช้หลักการประเมินคือ สิทธิการดำรงชีวิตของเด็ก สิทธิด้านสุขภาพ สิทธิด้านการศึกษา และสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองในการสร้างสภาพแวดล้อมเรื่องสิทธิเด็ก

แม้ในคำแถลงไม่ได้ระบุว่า เด็กที่ว่า มีช่วงอายุเท่าใด

แต่ก็ถือเป็นสิ่งดีที่ไทยติดอันดับดีๆ ของ “สิทธิมนุษยชนเด็ก” โลก

กระนั้นก็อย่าเพิ่งไว้วางใจ ต้องดูต่อไปว่า

“หลังจับเพนกวิน” “หลังการชุมนุม 16 สิงหาคม”

จะ “ดีแตก” หรือไม่!

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image