แทงก์ความคิด : อนาคตที่มาแน่

แทงก์ความคิด : อนาคตที่มาแน่

แทงก์ความคิด : อนาคตที่มาแน่

ได้ฟังเต็มอิ่มกับอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย
ภายในงานสัมมนา “เศรษฐกิจดิจิทัล พลิกฟื้นประเทศ” ที่หนังสือพิมพ์มติชนจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีวิทยากรทั้ง ดร.วีระ วีระกุล รองประธานและประธานพันธกิจด้านการเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมของโลก สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย
ทั้ง นายวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย)
ทั้ง วงเสวนาที่มี นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA)

และ น.ส.มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ CEO of SEA (Thailand)

ทุกคนได้ฉายภาพรวมและความพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
ในการปาฐกถาพิเศษของ ดร.วีระ รองประธานสภาดิจิทัลด้วยนั้น ทำให้มองเห็นสิ่งที่แข็งแกร่งและสิ่งที่ต้องแต่งเติม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
สภาดิจิทัลเสนอว่า หากจะให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทยแข็งแกร่ง ต้องดำเนินการ 3 ประการ

Advertisement

หนึ่ง เชิญชวน “บิ๊กบอย” ระดับโลก เข้ามาลงทุนพัฒนาดิจิทัลในประเทศ
หัวใจสำคัญที่จะดึงดูด “บิ๊กบอย” คือ ภาษี
สอง ต้องพัฒนาสตาร์ตอัพไทย ซึ่งปัจจุบันภาคเอกชนได้ตั้งกองทุนสนับสนุนอยู่
สาม ต้องพัฒนาคน

สภาดิจิทัลมีข้อมูลว่า ระดับการใช้งานดิจัทัลของคนไทยในขณะนี้ คนมีความรู้ในการเปิดปิดเครื่องมือได้ 25% สามารถส่งเมล์ได้ 15% สามารถทำเพาเวอร์พอยต์ได้ สร้างสรรค์ได้ 9%

และสามารถเขียนโปรแกรมได้ 1%

Advertisement

ดังนั้น ไทยยังต้องพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลต่อไป โดยต้องทำให้คนเข้าใจธุรกิจตัวเอง รู้จักลูกค้า รู้จักคู่ค้า ทำให้คนมีเทคนิคัลสกิล ไม่ใช่แค่โปรแกรมเมอร์แต่ต้องใช้เทคโนโลยีเป็น และทำให้คนรู้จักวิเคราะห์ และมีทักษะในการฟัง การพูด

ตอนท้ายสุด ดร.วีระเสนอว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องบูรณาการภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการขับเคลื่อนประเทศ
ใช้จังหวะวิกฤตโควิด เป็นโอกาสทำให้ดิจิทัลยั่งยืน

ความจริงแล้ว ดร.วีระ ได้นำเสนอข้อมูลต่างๆ ที่ช่วยทำให้มองเห็นภาพความพร้อมของประเทศในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไปมากมาย ใครสนใจรายละเอียดสามารถติดตามได้จากคลิปที่ทางมติชนออนไลน์นำเสนอเป็นระยะภายหลังงานสัมมนาเสร็จสิ้น

นอกจากมุมมองของสภาดิจิทัลแล้ว ยังมีมุมมองที่น่าสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ
นายวรกาน จาก หัวเว่ย ยืนยันว่า เศรษฐกิจดิจิทัลคือกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจประเทศ
บรรดานักวิเคราะห์ได้ศึกษาความเป็นมาความเป็นไปของเศรษฐกิจดิจิทัลแล้วพบว่า การลงทุนด้านไอซีที 16-20% จะช่วยเพิ่มจีดีพี 1%
หลายประเทศนำใช้เศรษฐกิจดิจิทัลขับเคลื่อน ขณะที่ไทยพึ่งพาค่อนข้างน้อย คือ ไม่ถึง 20%
แต่เมื่อไทยเริ่มใช้เทคโนโลยียุค 5G เชื่อว่าจะผลักดันให้จีดีพีสูงขึ้นเรื่อยๆ
หัวเว่ยมองว่า ถ้าไทยต้องการเป็นฮับของภูมิภาค ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ต้องมีความพร้อมอื่นๆ ที่ต้องสร้างขึ้นมา

ทั้งสร้างอุตสาหกรรม ดึงเทคโนโลยีมาใช้ อบรมฝึกฝนบุคลากร ทำโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาต่อยอด
ส่วนมุมมองของภาครัฐ นางวรรณพร เลขาฯสดช. บอกว่า ไทยเหมาะที่จะสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นของตัวเอง มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง
มองว่า เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เกิดรายได้มหาศาล
คาดว่าในอนาคต จีดีพีไทยที่เติบโตจากเทคโนโลยีดิจิทัล ต้องเพิ่มขึ้นกว่า 11%
นี่ประเมินจากช่วงโควิด-19 ระบาด ถ้าหลังจากการระบาด คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 9-10%
เซ็กเตอร์แรกที่จะนำเทคโนโลยีเข้าไปใช้มากขึ้นเป็นอุตสาหกรรม การค้า และท่องเที่ยว
ในวงเสวนายังมีภาคเอกชนให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์
บอกเล่าถึงเรื่องที่ทำอยู่ และเรื่องที่กำลังจะทำ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย

นี่คืออนาคตทางเศรษฐกิจของเมืองไทยที่มาแน่
เป็นอนาคตที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด
ถ้าภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมแรงร่วมใจ
บูรณาการความรู้ความเข้าใจ ฝึกฝนความสามารถด้านดิจิทัล บนโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ดีพร้อม
โอกาสที่ไทยจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังซมจากพิษโควิด-19 มาพักใหญ่ก็พอมองเห็น
ขอให้เราผ่านพ้นปัจจุบันไปให้ได้

ร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อพัฒนาตัวเอง พัฒนาธุรกิจ และพัฒนาประเทศ

แล้วความรุ่งโรจน์ย่อมเกิดขึ้นได้ในอนาคต

 

โดย : นฤตย์ เสกธีระ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image