ผู้การเชียงใหม่เอาผิดคนปล่อยข่าว ตร.ดับเพราะฉีดวัคซีนโควิด ยันไม่เกี่ยว เหตุมีโรคประจำตัว

กรณีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์ภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจ กำลังช่วยกันแบกร่างข้าราชการตำรวจรายหนึ่งลงบันไดแฟลตที่พัก พร้อมระบุข้อความว่า “ตอนนี้ ตร.สันกำแพง ตายแล้ว อาการหลังฉีดวัคซีนหายใจไม่ออก”

นอกจากนี้ ยังมีการแชร์ภาพชุดเดียวกันในไลน์กลุ่มต่างๆ พร้อมข้อความว่า “ใครมีเพื่อนอยู่โรงพักสันกำแพง ช่วยเช็กข่าวให้หน่อยครับ เรื่องตำรวจฉีดวัคซีนแล้วตาย” โดยภาพและข้อความดังกล่าวถูกแชร์ต่อกันในโลกโซเชียลอย่างแพร่หลาย สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนที่อยู่ในช่วงหน่วยงานรัฐกำลังรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง แต่ยอดลงทะเบียนมีเพียง 58,951 ราย จากจำนวนกลุ่มเป้าหมาย 612,550 ราย

ล่าสุดวันนี้ (13 พฤษภาคม) พล.ต.ต.พิเชษฐ จีรนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากทางโรงพยาบาลและญาติของตำรวจที่เสียชีวิต และจากประวัติการฉีดวัคซีนของหน่วย ยืนยันว่า ตำรวจรายนี้เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว จากภาวะเส้นเลือดฝอยบริเวณแกนสมองแตกเฉียบพลัน ไม่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด

พล.ต.ต.พิเชษฐกล่าวว่า กรณีนี้ตำรวจจะนำตัวผู้ที่แชร์ภาพ และข้อมูลเท็จดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเพื่อไม่ให้นักเลงคีย์บอร์ดส่งต่อข้อมูลที่บิดเบือนจนสร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคมอีก โดยนายตำรวจที่เสียชีวิต คือ ร.ต.อ.กำพล ก้อนแก้ว รองสารวัตรจราจร กลุ่มงานจราจร ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากโรคประจำตัวคือความดันสูง และเส้นเลือดฝอยบริเวณแกนสมองแตก

Advertisement

“ขณะนี้กลุ่มงานสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กำลังเร่งรัดหาเบาะแส เพื่อติดตามผู้กระทำผิดนำตัวมาดำเนินคดีแล้ว พร้อมฝากเตือนประชาชนว่าการเสพข้อมูลจากสื่อโซเชียลมีเดีย ขอให้ตรวจสอบจากบุคลากรทางการแพทย์ หรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน ไม่ควรส่งต่อข้อมูลที่ไม่มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ” พล.ต.ต.พิเชษฐกล่าว

พล.ต.ต.พิเชษฐกล่าวว่า สำหรับข้อมูลของตำรวจในสังกัดที่ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา มีจำนวน 27 ราย รักษาหายแล้ว 25 ราย คงเหลือ 2 ราย ที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้มีครอบครัวของตำรวจที่ติดเชื้อ 18 ราย รักษาหายแล้วทั้งหมด ส่วนกลุ่มเสี่ยงมีจำนวน 160 กว่าราย อยู่ระหว่างเงื่อนเวลาในการกักตัวให้ครบ 14 วัน และทยอยตรวจหาเชื้อซ้ำ โดยตำรวจที่หายเป็นปกติได้กลับมาปฏิบัติงานแล้ว

Advertisement

“การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในฐานะข้าราชการ ถือเป็นภาระหน้าที่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องพบปะผู้คน และเข้าไปอยู่ในที่ชุมชุน จึงเป็นความเสี่ยงของอาชีพ แต่ผู้บังคับบัญชาก็พยายามใส่ใจดูแล และติดตามสอบถามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกคนมีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ดูแลพี่น้องประชาชน และร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

“ส่วนการฉีดวัคซีนที่บุคลากรทางการแพทย์ออกมาให้ข้อมูลผ่านหลายช่องทาง เป็นสิ่งยืนยันว่าการฉีดวัคซีนมีประโยชน์ เพื่อช่วยลดทอนความรุนแรงของโรค และหากประชากรฉีดกันจำนวนมากจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้การอัตราการแพร่ระบาดของโรคลดลง ในฐานะผู้บังคับบัญชาจะพูดคุยทำความเข้าใจกับข้าราชการตำรวจในสังกัดเห็นความจำเป็นในการฉีดวัคซีน เพื่อประโยชน์ของตัวเอง และเป็นแบบอย่างให้กับพี่น้องประชาชน ในการให้ความร่วมมือกับรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรณรงค์ให้บุคคลากรที่มีความเสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบทุกคน

“ปัจจุบันตำรวจในสังกัดมีประมาณ 3,500 นาย ได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 700 นายเท่านั้น ตอนนี้พยายามขอรับการสนับสนุนจากทางจังหวัด และยืนยันว่าหากได้รับการจัดสรรวัคซีนมาก็พร้อมจะฉีด” พล.ต.ต.พิเชษฐกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image