หนังทริลเลอร์แปลกใหม่ของไทย-หนังแอคชั่นในสนามฟุตบอลของฝรั่ง

หนังทริลเลอร์แปลกใหม่ของไทย-หนังแอคชั่นในสนามฟุตบอลของฝรั่ง

The Pool นรก 6 เมตร

วันนี้อยากเชิญชวนไปดูหนังไทย The Pool นรก 6 เมตร หนังเรื่องที่ 3 ของค่าย T Moment ที่กำกับ เขียนบทโดย พิง ลำพระเพลิง เป็นการกลับคืนสู่จอหนังในรอบ 9 ปีของพระเอกในดวงใจของสาว (น่าจะรุ่นคุณน้า คุณป้า) เคน ธีรเดช จากหนังรถไฟฟ้า….มาหานะเธอ ที่ทำรายได้ถล่มทลาย และสร้างความประทับใจให้แก่คนดูอย่างยากจะลืมเลือน

The Pool มาในแนวเดียวกับ The Shallow หนังตื่นเต้นลุ้นระทึก ที่พูดถึงการพยายามเอาชีวิตรอดในพื้นที่จำกัด โดยมีตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้เป็นอุปสรรคสำคัญ

แต่แทนที่เราจะมองว่า ชั้นเชิงการสร้างและการเล่าเรื่องห่างกันลิบลับ แนวคิดหนัง The Pool หรือโปสเตอร์ตัวฟอนต์ไปเหมือนหนังฝรั่งเรื่องนั้นเรื่องนี้ อยากให้หันกลับมามองว่า หนังเรื่องนี้เปิดมิติใหม่ของหนังไทย ฉีกจากหนังแนวเดิมๆ ที่คนดูเคยคุ้น (หนังตลก หนังผี หนังรักกุ๊กกิ๊ก หนังบู๊) ถือเป็นทิศทางใหม่ที่น่าจะได้รับการสนับสนุน

Advertisement

The Pool อาจจะยังไม่ใช่หนังแนวใหม่ที่สมบูรณ์แบบ มีความไม่สมเหตุสมผลหลายประเด็น แต่ถ้ามองว่านี่เป็นหนังทริลเลอร์ที่เล่นกับอารมณ์คนดู ต้องการให้คนดูลุ้นระทึก เอาใจช่วยตัวแสดงในเรื่อง หนังตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดีพอควร

คนดูหลายคนเห็นตรงกันว่า “ไม่เคยดูหนังไทยที่ลุ้นระทึกแบบนี้มาก่อน” ภาพเดย์ (เคน) ที่ใช้ฟันดึงเล็บจากนิ้วมือที่กำลังจะเน่า ให้ความเสียวสยองไม่ต่างอะไรกับ เบลค ไลฟ์ลี่ ใช้ต่างหูที่มีจะงอยแหลมเย็บแผลตัวเองสดๆใน The Shollow

Advertisement

และใครที่เป็นแฟนคลับเคน ต้องยิ่งไม่พลาด เพราะเก้าสิบนาทีของหนัง แทบไม่มีฉากไหนที่ไม่มีเคน เคนถ่ายทอดความรู้สึกของชายวัย 40 ปี ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต อยู่ในจุดที่ตกต่ำ (เป็นความรู้สึกที่เป็นนามธรรม) แล้ววันหนึ่ง เขาติดอยู่ในสระลึก 6 เมตร (ความตกต่ำแบบเป็นรูปธรรม) ไม่มีน้ำ ไม่มีบันได และไม่มีทางออก

เขาคิดว่า “คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้” แต่นี่เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น สถานการณ์ต่างๆ ทับถม พร้อมกับความหวังที่ผ่านเข้ามาครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่แล้ว…ก็สลายไป มันน่าติดตามว่า ผู้ชายคนนี้จะปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม หรือจะจัดการกับปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้อย่างไร

เคนเป็นตัวเอกที่แบกหนังเรื่องนี้ไว้ทั้งเรื่อง คาแรกเตอร์ก็ต่างจากผลงานหนังที่ผ่านๆ มาของเขา ต้องแสดงอินเนอร์และระเบิดดราม่าที่แสดงถึงความสิ้นหวัง ทั้งต้องแสดงแอคชั่นที่เล่นกับซีจี และสร้างจินตนาการในฉากการต่อสู้กับจระเข้

เคนถูกใจบทบาทในหนังเรื่องนี้มาก “กับหนังที่ผ่านมา เหมือนเรายังไม่เจอเรื่องหรือบทที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้ อาจเพราะลุกของผม คนเห็นแต่รับบทกุ๊กกิ๊กเป็นหลัก แต่พอมีหนังเรื่องนี้ส่งมา ผมรู้สึกทันทีว่ามันแปลก เป็นอะไรที่ท้าทายตัวเองมาก แถมต้องลดน้ำหนักอีกด้วย”

The Pool เป็นหนังไทยที่พยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในวงการ เราอาจจะไม่ค่อยเคยคุ้นกับหนังไทยที่มีตัวละครหลักแค่สองคน พล็อตเรื่องกลิ่นไอแบบหนังฝรั่ง มีการใช้ซีจีค่อนข้างมาก

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา The Pool ทำได้ในระดับหนังดูสนุก ระทึกขวัญ ลุ้นเอาใจช่วยตัวละคร และที่สำคัญเป็นความหวังที่จะได้เห็นหนังไทยพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง

Final Score

ดูหนังเรื่องนี้แล้วเห็นสัจธรรมของชีวิต ดาราที่เคยยิ่งใหญ่ โด่งดังแบบ เพียร์ซ บรอสแนน ผู้ถูกกล่าวขวัญว่า เป็นเจมส์ บอนด์ 007 ที่รูปหล่อและกรุ้มกริ่มที่สุด สมญานาม Billion Dollar Bond เพราะหนังเจมส์ บอนด์ทั้งสี่ภาคที่เขาแสดง ประสบความสำเร็จด้านรายได้เป็นอย่างมากสมัยนั้น

มาบัดนี้ เมื่อเวลาผ่านไป กลายเป็นนักแสดงที่มีบทก๊อกแก๊กอะไรไม่รู้ในหนัง Final Score

สารภาพว่าไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะ เพียร์ซ บรอสแนน ไม่ถึงกับคาดว่าจะได้เห็นเขาในมาดท็อปฟอร์ม แต่จากโฆษณาที่บอกว่า “การโคจรมาพบกันของสองแอ็คชั่นสตาร์ขาบู๊อย่างเดฟ เบาติสต้า และเพียร์ซ บรอสแนน” ก็เลยคิดว่า คงพอได้เห็นแอคชั่นมันๆ ของบรอสแนนบ้าง

แต่เปล่าเลย บรอสแนน มาในบทชายแก่ผู้อ่อนล้า แทบไม่มีบทแอคชั่น เป็นบทที่เอาดาราโนเนมคนไหนมาเล่นก็ได้ แต่นั่นแหละ หนังจะหลอกให้คนแบบเราไปดูไง

ที่รู้สึกดีหน่อยคือ หนังสนุกใช้ได้ ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีทองของเบาติสต้า อดีตแชมป์มวยปล้ำ 6 สมัย ที่ผันตัวมาแสดงหนังแบบรุ่นพี่ ดเวย์น จอห์นสัน (เดอะร็อก) แม้หน้าตาจะหล่อเหลาสู้ไม่ได้ แต่ปีนี้เราได้เห็นเขาในหนังถึง 4 เรื่อง หนังฟอร์มยักษ์ค่ายมาร์เวล Avenger: Infinity War ตามด้วย Hotel Artemis , Escape Plan 2 และเรื่องนี้

เบาติสต้าแสดงเป็นอดีตทหารอเมริกันที่มาเยี่ยมลูกของเพื่อน (ที่ตายจากการสู้รบร่วมกัน) และพาลูกเพื่อนไปดูฟุตบอลแมตซ์สุดท้ายนัดปิดบ้านของเวสต์แฮม แต่สนามฟุตบอลถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายยึด เพราะต้องการตัวอดีตผู้นำกลุ่มกบฏ (ไม่ใช่ใครอื่น บรอสแนนนั่นแหละ)

เบาติสต้าต้องพยายามหยุดยั้งการก่อวินาศกรรม ที่มีคนดูเป็นตัวประกันสามหมื่นกว่าคน และช่วยชีวิตลูกสาวเพื่อนให้รอดพ้นจากการก่อการร้ายครั้งนี้

หนังสามารถผสานฉากแอคชั่นกับการแข่งขันฟุตบอลได้อย่างน่าสนใจ เสียงพากย์ในสนามเร้าใจคนดู เข้ากันพอดิบพอดีกับเหตุระทึกที่เกิดขึ้นในสนามที่ถูกปิดตาย โดยที่คนดูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

อารมณ์ของหนังมาแบบเดียวกับ Die Hard (ภาคแรก) แถมพระเอกมีผู้ช่วยที่กึ่งเป็นตัวตลกเหมือนกัน จอห์น แมคเคน (บรูซ วิลลิส) มีตัวประกอบเป็นคนขับแท็กซี่ ที่ยิงมุขตลกผ่อนคลายในสถานการณ์คับขัน

ส่วนเบาติสต้ามีเจ้าหน้าที่สนามเด๋อๆ ด๋าๆ คอยเป็นผู้ช่วยพระเอก ที่ช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

Final Score เป็นหนังที่สร้างเอาใจคนชอบหนังแอคชั่นโดยแท้ นอกจากการต่อสู้ระยะประชิดตัว (เพื่ออวดทักษะนักมวยปล้ำเก่า) แล้ว มีฉากซิ่งมอเตอร์ไซค์หลบหนีการไล่ล่าของผู้ร้าย ทะยานจากหลังคาอัฒจันทร์หนึ่งไปอีกอัฒจันทร์หนึ่ง พร้อมๆ กับที่นักฟุตบอลในสนามเตะบอลเข้าประตูแบบพอดิบพอดี

เป็นฉากเวอร์น่าดู ที่เบาติสต้าอวดว่า เขาแสดงเองโดยไม่ใช้สตั๊นท์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image