ที่มา | คอลัมน์สุจิตต์ วงษ์เทศ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ทุจริต เป็นชื่อ “ศัตรูร่วม” ชุดใหม่ที่เพิ่งสร้างยุคหลังสงครามเย็น โดยคนชั้นนำกลุ่มอนุรักษ์ทุนเก่า เพื่อทำลายประชาธิปไตย
“ศัตรูร่วม” ชุดเก่าในยุคสงครามเย็น คือ คอมมิวนิสต์ (หมายถึงผู้ฝักใฝ่ในลัทธิคอมมิวนิสต์ของมาร์กซ์-เลนิน และเหมา เจ๋อตุง) ถ้าใครแข็งข้อต่ออำนาจรัฐ หรือคิดต่างจากกระแสหลัก ก็ถูกใส่ร้ายเป็นคอมมิวนิสต์ คิดทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ก่อนยุคสงครามเย็น ย้อนไปสมัย ร.5 “ศัตรูร่วม” คือ พม่า ผู้ตีได้อยุธยา 2 ครั้ง
ข้อหาคอมมิวนิสต์ ใส่ร้ายผู้คิดต่าง
การใส่ร้ายให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นคอมมิวนิสต์ยังไม่หมด จนทุกวันนี้เพิ่งมีข่าวกล่าวหาคนอื่น แม้รัฐบาลคณะรัฐประหารจะพึ่งพาเอาหลังพิงคอมมิวนิสต์ก็ตาม
คอมมิวนิสต์สมัยก่อนรู้แล้วน่าจะขำกลิ้ง เมื่อผมถูกกล่าวหาเป็นคอมมิวนิสต์ คราวนั้นผมรู้แล้วไม่ขำ แต่ผมกลัวชิบเป๋ง
ก่อน 14 ตุลาคม 2516 คนหนังสือพิมพ์กลุ่มหนึ่งเคยยัดเยียดความเป็นคอมมิวนิสต์ให้ผมมาก่อนแล้ว ตอนที่ผมทำข่าวเปิดโปงฐานทัพสหรัฐในไทย จึงถูกใส่ร้ายโดยปล่อยข่าวว่าผมรับแผนคอมมิวนิสต์จากคนไทยในสวีเดน
ต้นเหตุจากผมได้เอกสารแจกภาษาอังกฤษจากนักศึกษาอเมริกันที่ต่อต้านสงครามเวียดนาม เป็นรายการฐานทัพสหรัฐในไทยซึ่งไม่ใช่เอกสารลับ เพราะมีพิมพ์เผยแพร่เปิดเผยทั่วไปในสหรัฐ แต่ในไทยเป็นความลับ “เพื่อความมั่นคงของชาติ”
อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก เพราะผมสอบตกภาษาอังกฤษ จึงมีผู้อื่นเอาไปแปลเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ฉบับที่ผมเป็นผู้สื่อข่าว
เท่านั้นแหละ “งานเข้า” จนถูกไล่ออกจากกอง บก.ฉบับนั้น แล้วถูกยัดข้อหาคอมมิวนิสต์จากผู้อาวุโสหนังสือพิมพ์ตอนนั้น แต่ตำรวจกองปราบครั้งนั้นรู้ทันว่าเป็นงานกลั่นแกล้งกันเอง
หลัง 14 ตุลาคม 2516 ผมเคยถูกเหมาเป็นคอมมิวนิสต์จากนักวิชาการมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งสมัยนั้น ในการอภิปรายทางวิชาการประวัติศาสตร์โบราณคดีเกี่ยวกับสังคมกรุงสุโขทัย จากศิลาจารึกสุโขทัยหลัก 2 (จารึกวัดศรีชุม)
นักวิชาการซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งหมดต่างอภิปรายตามจารีต คือ สรรเสริญสังคมยุคสุโขทัยว่ามีศีลธรรม เพราะฟังเทศน์ฟังธรรมทุกข้างขึ้นข้างแรมตลอดจนมีความอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ตามที่มีบอกในจารึกพ่อขุนรามคำแหง จึงไม่มีโจรผู้ร้าย
ต่อมาเมื่อถึงลำดับที่ผมต้องแสดงความคิดเห็น จึงแย้งว่าสังคมกรุงสุโขทัยไม่ต่างจากสังคมอื่นๆ ยุคนั้น อาจมีฟังเทศน์ฟังธรรม แต่ก็มีโจรผู้ร้ายเป็นปกติ เพราะมีศิลาจารึกกฎหมายลักษณะโจร เป็นหลักฐานตรงไปตรงมาว่ามีโจรผู้ร้ายชุกชุม จนต้องตราเป็นกฎหมายปราบโจร สังคมสุโขทัยจึงไม่วิเศษกว่าสังคมอื่น
เท่านั้นแหละ “งานเข้า” เพราะอาจารย์บางท่านอภิปรายต่อไปว่าพูดอย่างนั้นเหมือนคอมมิวนิสต์ (ความหมายคือตามที่ผมพูดถึงสังคมสมัยสุโขทัยอย่างนั้น พูดแบบคอมมิวนิสต์ คิดแบบคอมมิวนิสต์)
สมัยนั้นคอมมิวนิสต์เป็นข้อหาร้ายแรง ถึงขนาดใช้ปลุกระดมให้เกิดความบ้าคลั่งรุนแรง ฆ่าแขวนคอนักศึกษากลางสนามหลวง เมื่อเหตุการณ์อัปยศ 6 ตุลาคม 2519
วรรณศิลป์ในรายวัน
ผมเขียนเรื่องนี้เพราะได้อ่านข้อเขียนสำคัญ เมื่อ ‘การต้านทุจริต’ ถูกใช้ทำลายประชาธิปไตย และ ‘รัฐประหาร’ ไม่ใช่หนทางปราบโกง ของ วจนา วรรลยางกูร รายงานข่าวอย่างสรุปการบรรยายวิชาการที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ (โดย ศ.โยชิฟูมิ ทามาดะ มหาวิทยาลัยเกียวโต ญี่ปุ่น)
เป็นรายงานข่าวชิ้นเยี่ยมที่สรุปสาระสำคัญชั้นยอดครบถ้วน ด้วยถ้อยคำสำนวนขัดเกลาง่ายๆ อ่านสบายๆ ได้อรรถรสหมดจดงดงามเสมือน “เพชรดีมีค่าราคายิ่ง” ซึ่งหาอ่านไม่ง่ายในหนังสือพิมพ์รายวันที่พิมพ์เป็นภาษาไทยบนกระดาษ
อ่านแล้วอิ่มอกอิ่มใจไม่รู้ลืม เสมือนอ่านบทกวีมีพลังของ วัฒน์ วรรลยางกูร