เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า กรณีประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 ที่ได้ประกาศในราชกิจจาบุเบกษาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยประกาศดังกล่าว นอกจากจะกำหนดให้ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้ง ตรวจสอบ และเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สิน และหนี้สินของบุคคลดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแล้วนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานคณะกรรมการการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้เข้าพบตนเพื่อยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลเรื่องความไม่สะดวกในการยื่นบัญชีทรัพย์ของ ป.ป.ช.ส่งผลให้นายปิยะบุตรพ้นจากตำแหน่งประธาน กพฐ.ทันที รวมถึง กรรมการในหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งเป็นโดยตำแหน่งประธาน กพฐ.และกรรมการคณะกรรมการรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ด้วย
นพ.ธีระเกียรติกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ น.ส.ณมน จีรังสุวรรณ ผู้อำนวยการ สมศ.ลาออกจากตำแหน่งนั้น ไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจน เพราะ น.ส.ณมนไม่ได้บอกรายละเอียด ทั้งนี้ เชื่อว่าการลาออกของคณะกรรมการ สมศ.จะไม่กระทบกับการบริหารงาน เพราะขณะนี้กรรมการหลายหน่วยงานลาออกจำนวนมาก ตอนนี้กระทบทั้งประเทศ และกระทบทุกคนที่จะเข้ามาเป็นกรรมการใหม่ ดังนั้น ต้องรอความชัดเจนจากทางรัฐบาล และ ป.ป.ช.ซึ่งออกมาพูดแล้วว่า กำลังจะหาทางแก้ไขเร็วๆ นี้
“คนที่ตัดสินใจลาออกไปแล้ว ทั้งๆ ที่ผมบอกให้รอ ก็คงทำอะไรไม่ได้ การลาออกถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล หากใครโทรมาลาออกอีก ผมก็รับทราบทุกคน และคงทำอะไรไม่ได้ เพราะหากท้ายที่สุด ป.ป.ช.มีมติอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น แม้อาจจะสรรหาคณะกรรมการชุดใหม่ หรือนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภาได้ยาก แต่เชื่อว่าก็จะสรรหาได้ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
