มิได้เป็นเรื่องแปลกที่ภายในห้วง 1 วันที่คนๆหนึ่งจะต้องเอ่ยถึงกร ณีเดียวกันซ้ำ แต่หากมองในเชิงจิตวิทยาการพูดกรณีเดียวกันซ้ำก็ เท่ากับเน้นย้ำถึงความสำคัญ
ความสำคัญในลักษณอันเป็นความหมกมุ่น ครุ่นคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆนั้นเป็น”นายกรัฐมนตรี”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้จะต่างกรรมต่างวาระแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็แสดงความรู้สึก แสดงความเห็นในเรื่องเดียวกันซ้ำ 2 คำรบอย่างเจตนา
1 เป็นเรื่องอันเกี่ยวกับสถานะของรัฐบาล 1 เป็นเรื่องอันเกี่ยว กับการถวายสัตย์ปฏิญาณตน
สะท้อนว่า 2 เรื่องนี้เป็นตะกอนนอนอยู่ใน”จิตสำนึก”
หากใครที่ติดตามการพูดในห้วงหลังการประชุมสภากลาโหมกับการพูดกับเด็กที่จะเข้าแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกก็จะสัมผัสได้
1 สัมผัสได้กับสภาพที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตสภาวะเป๋ไปเป๋มาของรัฐบาล
“ผมไม่เคยเป๋ ไม่เห็นเป๋อะไรเลย”
“หากความเกลียดชังยังอยู่ประเทศไทยจะเดินต่อไปไม่ได้ โดยเฉพาะความพยายามที่จะให้รัฐบาลเป๋ไปเป๋มา ความน่าเชื่อถือก็จะหายไป”
ขณะเดียวกัน 1 ก็ยืนยันถึงกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณตน
“ผมมีขั้นตอนอยู่แล้วในการแก้ปัญหาซึ่งมีฝ่ายกฎหมาย ดัง นั้นผมก็ต้องฟัง อะไรที่จะมีผลกระทบไปอื่นๆก็ต้องระวังให้มากที่สุดเพราะเรื่องนี้ผมกระทำต่อหน้าพระพักตร์”
และเมื่อกล่าวกับเด็กๆที่ตึกไทยคู่ฟ้า
“ทำทุกอย่างถูกต้องทุกประการ ไม่อาจไปก้าวล่วงใดๆได้ทั้งสิ้นเพราะเป็นการกระทำของนายกฯของครม.ตามรัฐธรรมนูญ”
ไม่ว่าเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมสภากลาโหม ไม่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กๆที่จะไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิก ก็มีเรื่องราวอันฝังอยู่ในสำนึกอย่างลึกซึ้ง
สำนึกของนายกรัฐมตรี สำนึกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เรื่องสถานะของรัฐบาล เรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณ
เผลอๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจถึงขั้นละเมอ