ยุทธวิธี ต่อสู้ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยึดกุม แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง
แถลงร่วมจาก 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านที่นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สะท้อนทั้งด้านอันเป็นเอกภาพ และด้านอันเป็นความขัดแย้งดำรงอยู่
เอกภาพอันโดดเด่นก็คือ การเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเน้นไปยังประเด็นมาตราอันเกี่ยวกับวุฒิสมาชิก
รวมถึงการเน้นให้เห็นความสำคัญของกฎหมาย ‘ประชามติ’
การเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของกฎหมาย ‘ประชามติ’ และจำเป็นต้องเดินหน้าผลักดันในเรื่องนี้ให้สำเร็จลุล่วง ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
บ่งบอกให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ที่มีการเสนอกฎหมาย ‘ประชามติ’ ในห้วงแห่งการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้เสมอเป็นเพียง ‘ยุทธวิธี’ หนึ่งของรัฐบาล
ทั้งยังเป็นยุทธวิธีซึ่งสะท้อนให้เห็นลักษณะ ‘หลอกลวง’
การยืนหยัดให้เดินหน้ากฎหมาย ‘ประชามติ’ ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติม ‘รัฐธรรมนูญ’ จึงเท่ากับการเน้นลำดับสำคัญในแต่ละวาระ
เป็น ‘ยุทธวิธี’ หนึ่งในการต่อสู้และเปิดโปง
กระนั้น ภายในเอกภาพในทางความคิดของ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านก็สะท้อนให้เห็นความเห็นต่างอย่างมีนัยสำคัญ นั่นก็คือ ความเห็นต่างในรายละเอียดการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเนื้อหาการเลือกตั้ง
นั่นก็คือ การย้อนกลับไปนำเอากรรมวิธีการเลือกตั้งอย่างที่เคยกำหนดในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 และ พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม
น่าสนใจว่า ในการแถลงครั้งนี้มติของที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ถึงกับปฏิเสธข้อเสนอนี้เพียงแต่มิได้กระทำในนามของพรรคร่วมฝ่ายค้าน หากแต่ให้เป็นเอกสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทย
มติเช่นนี้เท่ากับยืนยันโดยพื้นฐานว่า ข้อเสนอนี้ของพรรคเพื่อไทยมิได้ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกภาพ
เท่ากับยืนยันในท่วงทำนอง ‘แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง’ ต่อกัน
แม้ว่าจะมีจุดต่างในทางความคิดดำรงอยู่ภายในพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ก็ต้องยอมรับว่าท่าทีของพรรคเพื่อไทยอันเป็นพรรคใหญ่ในพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันก็มิได้ดึงดันเอาแต่ด้านของตนถ่ายเดียว
นั่นก็คือ ยังเน้นมติอันเป็น ‘เอกภาพ’ ให้อยู่ในสถานะ ‘หลัก’
นั่นก็คือ ยืนยันที่จะเดินหน้าในเรื่องกฎหมาย ‘ประชามติ’ นั่นก็คือ เน้นเรื่องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นวุฒิสภาเป็นธงนำ
นี่คืออาวุธของ ‘ฝ่ายค้าน’ ในการต่อสู้กับ ‘รัฐบาล’